เมื่อวันที่ 28 พ.ค. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊ก ในหัวข้อ “The Almost Prime Minister” โดยระบุว่า หนังสือเล่มนี้…ไม่มีชื่อภาษาไทยครับ มันเป็น political memoir – บันทึกการเมืองของผมที่ไม่เคยถูกเล่าที่ไหนมาก่อน เรื่องเล่าของชัยชนะที่ถูกขวาง การเดินทางที่ไม่ถอย และเรื่องราวของประเทศหนึ่ง ที่ประชาชนกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเอง

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ขณะเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะที่ฮาร์วาร์ด ยุโรป หรือเวทีโลกต่าง ๆ ผมมักถูกถามด้วยความงุนงงว่า “เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทยกันแน่?” “คุณชนะเลือกตั้ง แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่บอสตัน?” และเมื่อผมเล่าเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อนต่างชาติและนักศึกษาหลายคนจึงตั้งชื่อเล่นให้ผมว่า “The Almost Prime Minister” หรือบางคนเรียกผมว่า “29.5” เพราะผมคือคนที่ประชาชนเลือกแต่ยังไปไม่ถึงเบอร์ 30 ติดอยู่กลางทาง – ระหว่างความหวังของประชาชน กับกำแพงของรัฐพันลึก ที่ยังบล็อกฉันทามติของผู้คนไว้อย่างแน่นหนา หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวจาก “ยุบสภา ถึง ยุบพรรค”วันที่ประชาชนตัดสินใจเปิดทางให้ความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องถึงชัยชนะในการเลือกตั้งและการเผชิญหน้ากับ “นิติสงคราม” และ “กลไกต่อต้านเสียงข้างมาก” ต่างๆ นานา สกัดกั้นเจตจำนงของผู้คน ก่อนจะนำไปสู่จุดจบของพรรคที่ประชาชนไว้วางใจ

นี่คือเส้นทางที่เต็มไปด้วยบททดสอบของศรัทธา บทพิสูจน์ของการยึดมั่นในหลักการ และบทเรียนสำคัญของประชาธิปไตยไทยในยุคเปลี่ยนผ่าน แม้หนังสือเล่มนี้จะเล่าผ่านมุมมองส่วนตัว แต่ผมขอยืนยันว่า มันห่างไกลจากการเป็นเรื่องของผมคนเดียว เพราะนี่คือเรื่องราวของ “พวกเรา” ทุกคน ของประชาชนกว่า 14 ล้านเสียงที่ร่วมกันจุดประกายความหวังครั้งประวัติศาสตร์ หวังที่จะเห็นประเทศไทยเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีกว่าเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เป็นประเทศที่ทุกคนมีอนาคต มีศักดิ์ศรี และมีโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน

นายพิธา ระบุว่า ผมเข้าใจดีว่า การเดินทางครั้งนี้อาจทำให้หลายคนรู้สึกเหนื่อยล้า ผิดหวัง และเต็มไปด้วยคำถาม แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยสูญเสียไปเลย คือคำว่า “ความหวัง” แม้การเมืองไทยจะยังซับซ้อน และหลายครั้งดูเหมือนไม่มีทางออกแต่ทุกรอยยิ้ม ทุกกำลังใจ และทุกความเชื่อมั่นที่ประชาชนมอบให้ คือเชื้อเพลิงที่ทำให้ผม – และพวกเราทุกคน – ยังคง “ก้าวต่อไป” อย่างไม่ย่อท้อ หนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่แค่บันทึกความทรงจำทางการเมือง แต่มันคือหลักฐานของความพยายามที่เราร่วมกันสร้างคือภาพจำของช่วงเวลาที่ประวัติศาสตร์เกือบเปลี่ยนทิศและคือเครื่องเตือนใจว่า – ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรถ้าเรายังร่วมมือกันคำว่า “Almost” จะถูกขีดฆ่าทิ้งไป และเราจะไปถึงเส้นชัย…ไปเปลี่ยนประเทศนี้ด้วยกัน พบกัน 29.5 นี้ครับ.