สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่า ประเทศที่พึ่งพาการค้าต่างกำลังหาทางปกป้องตัวเอง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ทำลายบรรทัดฐานการค้าโลก ด้วยการประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จากนั้นเขาก็ระงับภาษีส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ออกแถลงการณ์เพื่อ “แสดงความกังวลอย่างยิ่ง” ต่อการใช้มาตรการภาษีเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายที่ซับซ้อน และส่งผลกระทบในหลายแง่มุมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพ และการบูรณาการของอาเซียน

ในแถลงการณ์อีกฉบับ อาเซียนเน้นย้ำถึง “ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะยืดหยัดร่วมกัน” เมื่อเผชิญกับมาตรการภาษีดังกล่าว และให้คำมั่นที่จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอื่น ๆ

ทั้งนี้ มาเลเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของอาเซียน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดครั้งแรก ระหว่างอาเซียน จีน และคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี) โดยนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมสุดยอดครั้งนี้ถือเป็น “งานบุกเบิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค” ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ไม่แน่นอน

ด้านนายชอง จา เอียน จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (เอ็นยูเอส) กล่าวว่า อาเซียนทำหน้าที่เป็น “คนกลาง” ระหว่างประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐ และจีน มาโดยตลอด แต่เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันดูไม่น่าเชื่อถือในปัจจุบัน ประเทศสมาชิกอาเซียนจึงมองหาวิธีกระจายความเสี่ยง ซึ่งนำมาสู่การอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศอ่าวและจีน

อย่างไรก็ตาม อาเซียนยืนยันว่าจะไม่กำหนดภาษีตอบโต้กับสหรัฐ ขณะที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซีย ให้คำมั่นว่าอาเซียนจะยังคงมีส่วนร่วมกับรัฐบาลวอชิงตัน และรัฐบาลปักกิ่งต่อไป.

เครดิตภาพ : AFP