สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่า ประเทศที่พึ่งพาการค้าต่างกำลังหาทางปกป้องตัวเอง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ทำลายบรรทัดฐานการค้าโลก ด้วยการประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จากนั้นเขาก็ระงับภาษีส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน
สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ออกแถลงการณ์เพื่อ “แสดงความกังวลอย่างยิ่ง” ต่อการใช้มาตรการภาษีเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายที่ซับซ้อน และส่งผลกระทบในหลายแง่มุมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพ และการบูรณาการของอาเซียน
ในแถลงการณ์อีกฉบับ อาเซียนเน้นย้ำถึง “ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะยืดหยัดร่วมกัน” เมื่อเผชิญกับมาตรการภาษีดังกล่าว และให้คำมั่นที่จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอื่น ๆ
Southeast Asian leaders expressed "deep concern" over US tariffs Tuesday, as they held a summit with China and Gulf states hailed as "a response to the call of the times" in a geopolitically uncertain world.https://t.co/q0hbioZgLW
— AFP News Agency (@AFP) May 27, 2025
ทั้งนี้ มาเลเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนของอาเซียน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดครั้งแรก ระหว่างอาเซียน จีน และคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี) โดยนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมสุดยอดครั้งนี้ถือเป็น “งานบุกเบิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค” ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ไม่แน่นอน
ด้านนายชอง จา เอียน จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (เอ็นยูเอส) กล่าวว่า อาเซียนทำหน้าที่เป็น “คนกลาง” ระหว่างประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐ และจีน มาโดยตลอด แต่เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันดูไม่น่าเชื่อถือในปัจจุบัน ประเทศสมาชิกอาเซียนจึงมองหาวิธีกระจายความเสี่ยง ซึ่งนำมาสู่การอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศอ่าวและจีน
อย่างไรก็ตาม อาเซียนยืนยันว่าจะไม่กำหนดภาษีตอบโต้กับสหรัฐ ขณะที่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซีย ให้คำมั่นว่าอาเซียนจะยังคงมีส่วนร่วมกับรัฐบาลวอชิงตัน และรัฐบาลปักกิ่งต่อไป.
เครดิตภาพ : AFP