เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 พ.ค. 68 ที่รัฐสภา นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวิปวุฒิสภา ว่า วิปวุฒิสภาได้อนุมัติญญัตติที่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ที่เสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภา ชะลอการพิจารณาวาระที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระออกไป ทั้งนี้จะบรรจุวาระในวันที่ 29 พ.ค. หรือ 30 พ.ค. นี้ ขณะนี้ยังรอให้นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พิจารณา ทั้งนี้การวางลำดับต้องอยู่ก่อนวาระที่จะพิจารณาในกระบวนการตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจสอบประวัติและการลงมติเห็นชอบองค์กรอิสระที่บรรจุในระเบียบวาระ ซึ่งวิปวุฒิสภาบรรจุให้แน่นอน และต้องใช้การลงมติชี้ขาดว่าจะให้ชะลอหรือไม่ หากที่ประชุมมีมติให้ชะลอ ทุกอย่างต้องชะลอออกไป ส่วนการอภิปรายนั้น จะไม่ได้จำกัดเวลา และเปิดโอกาสให้เต็มที่
เมื่อถามว่า วิปวุฒิสภาได้พิจารณาในแง่กฎหมายถึงความเป็นไปได้จะชะลอกระบวนการได้หรือไม่ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ตามความเห็นส่วนตัว สว. ทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ โดยข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อ 105 กำหนดกรอบระยะเวลาที่คณะกรรมการสรรหาส่งมาให้ สว. พิจารณาตรวจสอบจริยธรรมขอองค์กรอิสะต่างๆ ในระยะเวลา 60 วัน และขยายเวลาได้ 30 วันเท่านั้น จึงไม่สามารถชะลอไปไม่มากกว่านี้ได้
“ที่หลายฝ่ายที่จะอ้างว่า การชะลอออกไปเพื่อแสดงสปิริตนั้น ผมขอย้อนไปถามว่า เข้าใจกฎหมายและข้อบังคับมากน้อยแค่ไหน และตามหลักแล้ว สว. ที่แม้เป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่ในมาตรา 129 วรรคสองของรัฐธรรมนูญ ระบุว่าหากไม่ได้ถูกตัดสินหรือหยุดปฏิบัติหน้าที่ สว. ยังมีอำนาจเต็ม และกฎหมายเปิดช่องไว้ให้ไว้ด้วยว่า ต่อให้วันนี้มีการโหวตรับรององค์กรอิสระต่างๆ แล้วพรุ่งนี้ สว. ถูกตัดสินให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังถือว่าการกระทำของ สว. นั้น เป็นการกระทำโดยชอบของกฎหมาย” นายพิสิษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หากขยับการพิจารณาเรื่ององค์กรอิสระออกไปในช่วงสมัยสามัญจะเกินกรอบเวลาหรือไม่ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า หากจะรอไปเปิดสมัยประชุม ต้องอยู่ในกรอบเวลาที่ทำได้ แต่เมื่อมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ที่สามารถพิจารณาได้ และสิ่งที่ทำนั้นไม่ได้เร่งรีบเพราะเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ หากเลื่อนออกไป ไม่ถือว่าเกินเวลา แต่เมื่อเปิดวิสามัญอยู่แล้ว จะทำให้ไม่ต้องเสียงบประมาณ และอยู่ในกรอบกฎหมายด้วย
เมื่อถามว่าวิปวุฒิสภาหารือต่อประเด็นที่มีมวลชนกดดันอย่างไรบ้าง โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ตนขอถามเครือข่ายด้วยว่า เข้าใจกฎหมายถ่องแท้แค่ไหน หากเราต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย อย่าใช้กฎหมู่มากดดัน ควรทำตามหน้าที่ และขอฝากกับสื่อมวลชนด้วยว่า ที่มี สว. บางคนกล่าวหาพวกเราว่า ที่ถูกเรียกตัวไปสอบ ถือว่าไม่ชอบธรรมที่จะทำหน้าที่นั้น ตนไม่โต้เถียง แต่อยากสะท้อนมุมมองว่า การเลือกกรรมการองค์กรอิสระที่ไม่รู้ว่าจะถูกรับรองทั้งหมดหรือไม่ แต่ไปกล่าวหาว่าคนเหล่านั้นจะทำเรื่องที่ไม่สุจริตในอนาคต เพราะจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนเนื่องจาก สว. ปัจจุบันเป็นคนโหวต ถือว่าไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประโยชน์ต่อคนที่ถูกคัดเลือกและกรรมการที่สรรหาเข้ามา เป็นประเด็นที่ตนรับไม่ได้.