เมื่อเวลา 14.03 น. วันที่ 28 พ.ค. 68 ที่รัฐสภา ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งเข้าสู่การพิจารณา ร่างพ.ร.บ.มีการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ได้กล่าวเสนอหลักการ และเหตุผลของร่างกฎหมายฉบับนี้
สำหรับสาระสำคัญนั้น เพื่อให้ รฟม.สามารถดำเนินกิจการรถไฟฟ้าและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการตั๋วร่วม ทำให้การเดินทางมีความสะดวก คล่องตัวแก่ประชาชน และรฟม.สามารถจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินซึ่งรวมถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อแสวงหารายได้ให้แก่หน่วยงาน ช่วยลดภาระงบประมาณภาครัฐ เช่น การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานี การบริหารจัดการพื้นที่โฆษณาการให้เช่าพื้นที่ร้านค้า การให้บริการ Wi-Fi นอกจากนี้ให้ รฟม.สามารถออกพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารอื่นเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ รฟม. นอกเหนือจากเพื่อการลงทุนได้ และการกำหนดอัตราค่าโดยสาร ค่าบริการ ค่าธรรมเนียมการใช้ทรัพย์สิน ของ รฟม. ต้องได้รับความเห็นชอบจาก รมว.คมนาคม จากเดิมต้องผ่าน ครม.
โดยนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงษ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายเห็นว่ากฎหมายฉบับนี้เสนอเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อดึงเงินสะสมมาอุดหนุนรถไฟฟ้าโครงการ 20 บาทตลอดสายตามที่รัฐมนตรีฯ ให้สัมภาษณ์ พร้อมตั้งคำถามถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการประสานงานแต่ละปี เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่ได้มากับต้นทุน โดยเฉพาะเป็นการล้วงกระเป๋าของ รฟม. พร้อมหยิบยกเหตุผลที่เคยประกาศว่าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทำไม่ได้ แต่รัฐบาลควรทำราคาค่ารถไฟฟ้า 8-45 บาทตลอดทาง มองระบบขนส่งการไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ โดยไม่เห็นด้วยจาก 4 เหตุผล คือ 1. ร่างกฎหมายวันนี้เพราะมีการเร่งรีบแซงคิวอย่างน่าเกลียด 2. ร่างที่เข้าสภาแตกต่างจากที่รับฟังความเห็นมามาก 3. เนื้อหาแก้ไม่ได้ตั้งใจทำให้ รฟม. ดีขึ้นแต่เป็นการแก้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของรัฐบาล และ 4. การลดภาระค่าเดินทางควรทำอย่างรอบคอบผ่านกลไกค่าโดยสารตั๋วร่วมที่ต้องคำนึงถึงผลระยะยาว
“โดยสรุป พ.ร.บ. นี้มีมาเพื่อล้วงกระเป๋า รฟม. 16,000 ล้านบาท เพื่อมาทำนโยบาย 20 บาทให้อยู่ได้สองปี ไม่ได้อยู่ยั่งยืนจีรัง ที่เหลือคือหนี้ที่ทุกคนจะต้องร่วมกันจ่ายและการตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไรต่อกับเรื่องนี้ และการเลือกทำนโยบายแบบนี้แน่นอนประชาชนอาจจะไม่พอใจเพราะเคยจ่ายถูก แต่ถูกอย่างไม่สมเหตุสมผล การเสนอกฎหมายครั้งนี้ไม่ได้แก้ปัญหาให้ รฟม. แต่แก้ปัญหาที่รัฐบาลสร้างขึ้นไม่สมเหตุสมผล 20 บาทตลอดสาย โดยจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการล้วงกระเป๋า รฟม.” นายสุรเชษฐ์ กล่าว
จากนั้นมี สส. หลายคนอภิปรายด้วยความเห็นที่หลากหลาย เช่น นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส. พรรคเพื่อไทย สนับสนุนร่างกฎหมาย โดยเห็นว่าจะเป็นการยกระบบขีดความสามารถขนส่งของไทยให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนโยบายรัฐบาล การผลักดันลดใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งชี้ว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ไม่ใช่ทำเพื่อการหาเสียงหรือขายฝันเท่านั้น แต่จะเป็นการพิสูจน์ว่าโครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้จริง ผ่านการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งเห็นว่าจะเป็นการลดภาระค่าครองชีพในการเดินทางของประชาชน
นายปัญญา ชูพาณิชย์ ผอ.สำนักนโยบายขนส่งและแผนการจราจร ลุกขึ้นชี้แจง แทน รฟม. กรมรางฯ และ สนข. ว่านโยบายของกระทรวงคมนาคม การให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันกระทรวงมีการลงทุนโครงการต่างๆ มูลค่ามาก เช่น รถไฟ รถไฟฟ้า ลงทุนมูลค่ามหาศาล แต่ที่ผ่านมาปริมาณของผู้ใช้รถไฟฟ้ายังต่ำ ทำให้มูลค่าที่ลงทุนอย่างเหมาะสม ซึ่งประเด็นที่ทำให้คนมาใช้น้อยคือเรื่องของราคาค่าโดยสาร และความสะดวกในการใช้งาน และเพื่อให้การใช้รถไฟฟ้าสะดวกจึงมีการเสนอร่างกฎหมายตั๋วร่วม เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ระบบรถไฟฟ้าในราคาถูก จำเป็นต้องใช้งบประมาณช่วยชดเชยให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานในปัจจุบัน ส่วนเงินที่นำมาใช้มาจากหลายแหล่ง แหล่งหนึ่งมาจากการจัดสรรของรัฐบาลผ่านงบประมาณแผ่นดิน สนับสนุนในค่าโดยสารและเครื่องมือต่างๆ และอีกแหล่งหนึ่งที่มีความเป็นไปได้ใช้เงินกำไรสะสมของ รฟม. สนับสนุนการดำเนินการ จึงมีที่มาของการเสนอแก้ไขกฎหมายครั้งนี้
“ในกฎหมายที่ขอเสนอการแก้ไขไม่ได้ดูเรื่องของเอาเงิน รฟม. มาสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะเพียงอย่างเดียว มีมาตราอื่นด้วยที่จะเปิดโอกาสให้ รฟม. สามารถบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการกับประชาชน” นายปัญญา กล่าว
ท้ายที่สุด เมื่อเข้าสู่การลงมติ ผลปรากฏว่า ที่ประชุมรับหลักการร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ด้วยมติ 295 เสียง ไม่เห็นด้วย 144 งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง
พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 25 คน กำหนดแปรญัตติ 15 วัน ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า พรรคกล้าธรรม ได้ขอเสนอชื่อ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ที่ขณะนี้ประกาศร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม.