เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 68 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก เป็นวันที่ 2

นายปะดิธ สังขจาย สส.พระนครศรีอยุธยา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงงบประมาณที่รัฐบาลได้จัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวนกว่า 385,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นงบประมาณที่มีความสำคัญอย่างต่อการพัฒนาพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ อปท. ที่ยังไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ โครงการต่างๆ ที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณเหล่านี้ ล้วนเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง ซึ่งยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่ต้องการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก ยังคงเป็นความหวังของชาวบ้านทุกพื้นที่ในประเทศไทย ซึ่งตนเข้าใจและเห็นใจท้องถิ่นหลายแห่ง ที่มีงบประมาณพัฒนาต่อปีเพียงไม่กี่ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนี้ เพื่อใช้ในการพัฒนาท้องถิ่นให้ก้าวหน้า

นายปะดิธ กล่าวถึงงบกลาง 632,900 ล้านบาท และชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์สภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ ปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นพื้นที่รองรับน้ำที่มักประสบปัญหาน้ำท่วมขังเกือบทุกปี และในขณะเดียวกัน ก็ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในการทำนาเกือบทุกปีเช่นกัน ซึ่งตนต้องขอกราบขอบพระคุณท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ที่ลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อประชุมเชิงปฏิบัติการและวางแนวทางการป้องกันภัยพิบัติกับหลายหน่วยงานในการรับมือสถานการณ์น้ำ พร้อมร่วมกับกระทรวง อว. ผลักดันการใช้เทคโนโลยีการแจ้งเตือนภัยให้กับผู้นำท้องถิ่น และยังลงไปที่ อ.เสนา ตลาดบ้านแพน ติดตามการดําเนินโครงการสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเสนาและชุมชนสามกอ รัฐบาลควรเตรียมการล่วงหน้ากับสิ่งที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะทุ่งรับน้ำที่เกิดขึ้นซ้ำซาก

“วันนี้อยากเห็นการจัดสรรงบประมาณจากงบกลาง เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน และชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบในทุ่งรับน้ำ ซึ่งประชาชนต้องเผชิญกับน้ำท่วมถึง 4 เดือนต่อปี ถือเป็นผู้เสียสละเพื่อเศรษฐกิจส่วนรวมของประเทศ และขอเป็นกําลังใจให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ได้ใช้งบประมาณกว่า 3.7 ล้านล้านบาท ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนชาวไทย” สส.พระนครศรีอยุธยา กล่าว.