เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า กรณีตั๋ว P/N ของนายกฯ กรมสรรพากรไม่มีคำตอบว่าจะวินิจฉัยเรื่องนี้เมื่อไร เท่ากับตอนนี้นายกฯ ทำได้คนเดียว ถ้าประชาชนทำตาม กรมสรรพากรไม่รับรอง กรณีที่นายกฯ แพทองธาร ซื้อหุ้นจากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้าสะใภ้ เป็นมูลค่า 4,434.5 ล้านบาท โดยชำระค่าซื้อหุ้นเป็นตั๋ว P/N โดยไม่มีกำหนดชำระเงิน ไม่มีภาระดอกเบี้ย ถูกสังคมตั้งคำถามว่า เป็นการซื้อขายหุ้นในรูปแบบปกติที่วิญญูชนทั่วไปกระทำกันหรือไม่
นายวิโรจน์ ระบุต่อว่า จะมีใครที่ยอมขายหุ้น ที่ทำให้ตนเองเสียโอกาสได้รับเงินปันผลโดยแลกกับตั๋ว P/N ที่ไม่มีดอกเบี้ย และไม่รู้ว่าจะได้รับการชำระเงินเมื่อไร จริงๆ หรือ หรือการใช้ตั๋ว P/N ในการซื้อหุ้นของนายกฯ แพทองธาร จะเป็นการสร้างรูปแบบการซื้อหุ้นขึ้นมา เพื่อทำนิติกรรมอำพรางการรับให้หุ้น จากแม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง ป้าสะใภ้ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้มูลค่า 218.7 ล้านบาท
นายวิโรจน์ ระบุต่อไปว่า เพื่อความเป็นธรรมกับประชาชนทุกคน ผมจึงได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากร เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 เพื่อให้อธิบดีกรมสรรพากรดำเนินการตามมาตรา 13 สัตต (3) ของประมวลรัษฎากร ส่งเรื่องให้กับคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้พิจารณาชี้ขาดว่าสิ่งที่นายกฯ แพทองธาร ประพฤตินั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ในวันที่ 1 พ.ค. 2568 ผมได้ขอให้ กมธ.พัฒนาการเศรษฐกิจ ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อติดตามความคืบหน้า โดยสอบถามไปยังกรมสรรพากรว่า กรณีตั๋ว P/N ของนายกฯ แพทองธาร จะได้รับการวินิจฉัยเมื่อไร และระหว่างนี้หากประชาชนทั่วไปประสงค์จะขายหุ้นให้กับลูก โดยให้ลูกชำระเงินเป็นตั๋ว P/N ที่ไม่มีกำหนดชำระ ไม่มีดอกเบี้ย แบบนายกฯ แพทองธาร กรมสรรพากรยืนยันใช่หรือไม่ ว่าสามารถทำได้ตามกฎหมาย โดยที่กรมสรรพากรจะไม่มีการเรียกเก็บภาษีการรับให้ย้อนหลัง
นายวิโรจน์ ระบุต่อว่า ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา อธิบดีกรมสรรพากร นายปิ่นสาย สุรัสวดี ได้ทำหนังสือตอบกลับมา โดยสาระสำคัญคือ ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนว่าคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร จะพิจารณาวินิจฉัยกรณีตั๋ว P/N ของนายกฯ แพทองธาร เมื่อไร และได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า ปัจจุบันคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรก็ยังไม่ครบองค์คณะ เนื่องจาก รมว.คลัง ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 คน จึงทำให้ดำเนินการประชุมไม่ได้
“คำตอบที่น่าผิดหวังที่สุด ก็คือ หากประชาชนจะทำตามนายกฯ แพทองธาร โดยขายหุ้นให้กับลูก แล้วให้ลูกจ่ายเป็นตั๋ว P/N ปรากฏว่ากรมสรรพากรไม่สามารถรับรองได้ว่าสามารถทำได้ตามกฎหมาย โดยบอกเพียงว่าให้รอการวินิจฉัยกรณีของนายกฯ แพทองธาร ให้แล้วเสร็จเสียก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีคำวินิจฉัยเป็นที่ชัดเจนออกมา” นายวิโรจน์ ระบุ
นายวิโรจน์ ระบุต่อไปว่า คำตอบแบบนี้ ไม่เป็นธรรมกับประชาชน และทำให้ประชาชนเสียโอกาสอย่างมาก เพราะประชาชนที่โอนหุ้นให้กับลูก แล้วลูกได้เสียภาษีการรับให้ 5% แก่กรมสรรพากรไปแล้ว หากในอนาคตเกิดมีคำวินิจฉัยออกมาว่า สามารถขายหุ้นให้กับลูก แล้วให้ลูกจ่ายเป็นตั๋ว P/N แทนได้ กรมสรรพากร ก็คงไม่คืนภาษีการรับให้ที่ประชาชนได้จ่ายไปแล้วแน่ๆ นั่นหมายความว่า พฤติกรรมดังกล่าวนี้ ปัจจุบันมีเพียงนายกฯ แพทองธาร เท่านั้น ที่สามารถทำได้ แล้วประชาชนจะมีความเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมายในประเทศนี้ได้อย่างไร
นายวิโรจน์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ผมจะติดตามกรณีนี้ต่อเนื่องอย่างแน่นอน หากกรมสรรพากรยังคงดำเนินการเรื่องนี้อย่างล่าช้าโดยไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน ผมจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมด และส่งเรื่องร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช. ให้เอาผิดกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ทุกคน ตามมาตรา 172 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป.