สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กรมตำรวจรัฐวิคตอเรียแห่งออสเตรเลีย เพิ่งเผยแพร่คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในร้านอาหาร ‘อัล มาร์จาน’ ในเมืองแคมป์เบลฟิลด์ ทางตอนเหนือของเมลเบิร์น เมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. ของวันที่ 21 พฤษภาคม ปีที่แล้ว ผ่านโซเชียลมีเดีย หวังได้เบาะแสเพิ่มเติม

คลิปวิดีโอดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพของชายคนหนึ่ง ที่กำลังเทของเหลวบางอย่างลงบนเคาน์เตอร์และเฟอร์นิเจอร์ในร้าน ก่อนจะจุดไฟ คาดว่าเพื่อวางเพลิงร้านดังกล่าว แต่เปลวไฟกลับลุกไหม้โดนตัวเขาเองด้วย

ดูตามรูปการณ์แล้ว เป็นไปได้ว่า ผู้ต้องสงสัยชายรายนี้ ที่สวมเสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีดำ คงจะราดน้ำมันแล้วทำเปื้อนตัวเองไปด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างที่เขาสาดน้ำมันจากแกลลอนบรรจุไปทั่วร้านอาหาร

หลังจากที่ตัวเองโดนลูกหลงจากไฟไหม้ไปด้วย ผู้ต้องสงสัยก็รีบกลิ้งตัวกับพื้นเพื่อพยายามดับไฟ เขายังสะดุดล้มอีกหลายครั้งขณะที่รีบวิ่งออกไปยังประตูร้าน และเมื่อถึงรถก็ยังคงมีไฟลุกไหม้ตามตัว จนเขาต้องกลิ้งตัวกับพื้นข้างรถจนไฟดับหมด แล้วจึงขับรถหลบหนีไป

ก่อนเกิดเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิดภายนอกร้านแสดงให้เห็นว่า ผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวเดินทางมาที่ร้าน โดยขับรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่นอี240 สีเงิน ซึ่งเขาขับพุ่งชนประตูร้านเพื่อเปิดทางให้ตัวเองเข้าไปในร้าน

ทีมนักสืบเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ เกี่ยวข้องกับการค้าบุหรี่ผิดกฎหมายของรัฐ และได้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจพิเศษ เพื่อจับกุมผู้ที่รับผิดชอบ 

“นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าไฟเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และอันตรายจากการวางเพลิง” นักสืบแกรห์ม แบงค์ส แห่งหน่วยเฉพาะกิจกล่าว “เป็นไปได้ว่าชายคนนี้อาจต้องได้รับการรักษาบาดแผลไฟไหม้อย่างรุนแรง”

นักสืบแบงค์ส หวังว่าการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดจะช่วยจูงใจให้ผู้ที่จดจำชายคนนี้ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลให้ทางการ โดยบรรยายรูปพรรณของผู้ต้องสงสัย ว่าสูงราว 5 ฟุต 6 นิ้ว เป็นคนตัวใหญ่ ผิวคล้ำ

ภาพผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิด

หลังจากผู้ต้องสงสัยก่อเหตุและหลบหนีไปไม่นาน ก็มีผู้แจ้งเหตุไปยังหน่วยฉุกเฉิน หน่วยดับเพลิงและกู้ภัยชี้ว่า ร้านอาหารดังกล่าวได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย 

หลังจากนั้น ทีมสืบสวนก็ติดตามจนเจอรถเมอร์เซเดสเบนซ์ที่ผู้ต้องสงสัยขับชนประตูร้าน แต่ป้ายทะเบียนรถนั้นเป็นของปลอม 

ส่วนร้านอาหารอัล มาร์จาน ก็โดนลอบวางเพลิงอีกครั้ง ในวันที่ 6 พฤศจิกายนปีที่แล้ว 

ขณะนี้ทีมนักสืบยังคงสืบสวนคดีอย่างต่อเนื่อง 

ที่มา : dailymail.co.uk

เครดิตภาพ : Victoria State Police