เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตำรวจเมืองดัลลัสเข้าจับกุมตัวหญิงสาวคนหนึ่งชื่อ แอเรียล จีน แจ็คสัน อายุ 32 ปีที่สนามบินเลิฟฟิลด์ เมืองดัลลัส ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายสาหัส ระหว่างรอขึ้นเครื่องซึ่งจะบินออกจากสนามบินดัลลัส

คริส เมนซ์ โฆษกของสายการบิน กล่าวว่า เหตุการณ์อันเป็นสาเหตุที่ทำให้แจ๊คสันต้องโดนจับนั้นเกิดขึ้นระหว่างช่วงการเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องสำหรับเที่ยวบินดัลลัส-นิวยอร์ก เมนซ์ กล่าวว่า ได้นำตัวแอร์โฮสเตสที่โดนทำร้ายส่งโรงพยาบาล ขณะนี้เธอปลอดภัยดีและกลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้ว

ตำรวจให้ข้อมูลว่าตอนแรก แจ็คสันมีเรื่องทะเลาะถกเถียงกับพนักงานฝ่ายปฏิบัติการที่บริเวณส่วนหลังของเครื่องบิน หลังจากที่เธอขึ้นเครื่องไปได้ไม่นาน และถูกขอร้องให้ลงจากเครื่อง

ในขณะที่แจ็คสันกำลังจะออกไปนั้น เธอก็มีปากเสียงกับแอร์โฮสเตสอีกคนหนึ่งซึ่งทวีรุนแรงขึ้นจนเป็นการทำร้ายร่างกาย โดยเธอใช้กำปั้นฟาดไปที่ศีรษะของพนักงานคนดังกล่าว หลังจากนั้น แจ๊คสันก็โดนตำรวจจับและต้องเข้าคุกที่ดัลลัส เคาน์ตี โดยตั้งวงเงินประกันตัวไว้ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ (326,830 บาท)

เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายและทำร้ายทางวาจาที่กระทำต่อพนักงานสายการบิน ซึ่งมีการรายงานในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด พนักงานประจำเที่ยวบินได้รายงานเหตุการณ์ผู้โดยสารที่มีพฤติกรรมขัดต่อระเบียบและยากจะควบคุมได้ถึง 5,114 ราย นับตั้งแต่ตอนต้นปี 2564 ตามรายงานขององค์การบริหารการบินสหรัฐ มีข้อมูลแสดงว่าเหตุการณ์ขัดแย้งถกเถียงกว่า 70 % มีสาเหตุมาจากเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย

เหตุการณ์ในทำนองนี้มีระดับความรุนแรงตั้งแต่การตะโกนด่าไปจนถึงการทำร้ายร่างกายพนักงานประจำสายการบิน

ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็มีผู้โดยสารสายการบินเซาธ์เวสต์ทำร้ายร่างกายพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน และถูกปรับเป็นเงินมากกว่า 26,000 ดอลลาร์สหรัฐ (849,680 บาท) ทางองค์การบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) กล่าว นอกจากนี้ยังระบุว่า ภายในเดือนนี้มีการปรับเงินผู้โดยสารที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวไปแล้ว 10 ราย คิดเป็นเงินค่าปรับทั้งหมดเกือบ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.17 ล้านบาท

แหล่งข้าวอ้างอิง

https://edition.cnn.com/2021/11/14/us/southwest-employee-assaulted-dallas-trnd/index.html

เครดิตภาพ : AP