นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมาตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยถึงข้อเรียกร้องของภาคเอกขนที่ต้องการให้รัฐบาลนำโครงการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ว่า เรื่องดังกล่าวนี้อยู่ในแผนที่รัฐบาลกำลังพิจารณา เนื่องจากโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ยังไม่เห็นผลมากตามที่คาดหวัง เนื่องจากผู้มีรายได้สูงมองว่าไม่สะดวกในการใช้มาตรการ โดยอาจจะนำโครงการช้อปดีมีคืนมาใช้ในปี 65 เพื่อให้เกิดการต่อเนื่องกับโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ที่จะสิ้นสุดลงภายในสิ้นปี 64 โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาความเป็นไปได้ และความเหมาะสมของมาตรการต่อไป  

ส่วนการดูแลราคาน้ำมัน ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังเร่งดำเนินการขอกู้ยืมเงินเพิ่มเติมภายใต้ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 จำนวน 20,000 ล้านบาท เพื่อนำเสนอให้ ครม. ได้พิจารณาอย่างเร็วที่สุด เนื่องจากสถานะของกองทุนน้ำมันฯ ในปัจจุบันมีจำนวนเงินเหลืออยู่ไม่มาก และจะสามารถช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรได้จนถึงสิ้นปี 64 เท่านั้น โดยกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยมองว่าน่าจะอ่อนตัวลงได้ เนื่องจากหากผู้ผลิตน้ำมันขึ้นราคาเร็วเกินไป จะส่งผลทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกช้าลง จากภาวะเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นตาม ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของโลกก็ยังไม่สู้ดีเท่าใดนัก ซึ่งการปรับขึ้นราคาดังกล่าวจะไม่เป็นประโยชน์กับผู้ใดเลย 

“การเปิดประเทศได้รับการสนับสนุนจากทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านในการประชุมอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ต้องจับตาเทศกาลลอยกระทงในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ว่า มาตรการของรัฐ รวมถึงเอกชน และประชาชนที่จะต้องช่วยกันนั้น จะสามารถควบคุมการแพร่ของโควิดได้ดีหรือไม่ เพื่อให้ต่อเนื่องไปยังเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะถึง คาดว่าจะมีนักเท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก และมีการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมากในหลายภาคส่วนทั้งค่าที่พัก อาหาร ค่าเดินทาง เป็นต้น” นายสุพัฒนพงษ์​กล่าว