ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโกรนิงเกนในเนเธอร์แลนด์ใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ ‘เอไอ’ ในการตรวจสอบลายมือของชิ้นส่วนจากม้วนหนังสือโบราณ ‘เดดซี’ และอ้างว่าทำให้พวกเขาสามารถระบุอายุชิ้นส่วนบางชิ้นได้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ม้วนหนังสือส่วนที่เขียนถึงพระธรรมดาเนียล โดยพวกเขาเผยแพร่รายงานฉบับนี้วารสารวิทยาศาสตร์ออนไลน์ ‘Plos One’
พวกเขาใช้โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ที่มีชื่อภาษาฮีบรูว่า ‘เอนอค’ (Enoch) โดยป้อนข้อมูลจำนวนมากจากข้อความโบราณที่ระบุวันที่บอกอายุไว้แล้ว ซึ่งได้จากพื้นที่ในประเทศอิสราเอลและเขตเวสต์แบงก์ในปัจจุบัน ข้อความเหล่านี้มีการระบุอายุด้วยวิธีหาค่าคาร์บอนกัมมันตรังสี จากนั้นจึงใช้ระบบการเรียนรู้ของโปรแกรมเพื่อศึกษาพัฒนาการของรูปแบบลายมือในม้วนหนังสือเดดซีทั้ง 135 ชิ้น
รายงานฉบับนี้อ้างว่า ม้วนหนังสือส่วนที่เป็นพระธรรมดาเนียลบทที่ 8-11 ซึ่งเคยเชื่อกันว่ามีอายุย้อนไปถึง 160 ปีก่อนคริสตกาลนั้น อาจมีอายุเก่าแก่กว่านั้น กล่าวคือย้อนไปถึงช่วง 230 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีการเขียนม้วนหนังสือส่วนที่เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลขึ้น

“เราอาศัยเครื่องมือของเอนอคเปิดประตูบานใหม่สู่โลกยุคโบราณ เหมือนกับเครื่องย้อนเวลาที่ทำให้เราสามารถศึกษาลายมือที่เขียนพระคัมภีร์ได้” ผู้เขียนรายงานระบุไว้ในแถลงการณ์
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ที่เราพิสูจน์ได้แล้วว่า ชิ้นส่วนของม้วนหนังสือเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลสองชิ้นมาจากยุคของผู้เขียนตามที่เคยสันนิษฐานไว้” แถลงการณ์ระบุต่อ
นักวิจัยยังอ้างว่า ชิ้นส่วนที่เขียนด้วยภาษาอาราเมอิกยุคฮีโรเดียนและภาษาฮีบรูยุคราชวงศ์ฮัสโมเนียน ซึ่งเคยเชื่อกันว่าเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 1 และ 2 ก่อนคริสตกาลนั้น แท้จริงแล้วเก่าแก่กว่าที่คิดไว้แต่แรก ทำให้เกิดมุมมองใหม่ในการสันนิษฐานเกี่ยวกับการแพร่หลายของม้วนหนังสือในช่วงเวลานั้น

ข้อกล่าวอ้างเรื่องการระบุอายุครั้งใหม่นี้ส่งผลให้เกิด “การลำดับเวลาใหม่ของคัมภีร์ไบเบิลและการกำหนดอายุใหม่ของข้อความสำคัญของชาวยิวโบราณ ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการถกเถียงในปัจจุบันเกี่ยวกับต้นกำเนิดของศาสนายิวและศาสนาคริสต์” งานวิจัยระบุ
ม้วนหนังสือทะเลเดดซีถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1943 โดยคนเลี้ยงแกะชาวเบดูอินสองคน ซึ่งพบม้วนหนังสือเหล่านี้ซ่อนอยู่ในถ้ำในเขตคุมรานของอิสราเอลใกล้กับทะเลเดดซี ม้วนหนังสือเหล่านี้ถือเป็นชิ้นส่วนของพระคัมภีร์เขียนด้วยมือของชาวยิวที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีการค้นพบ โดยเขียนเป็นภาษาต่างๆ ได้แก่ ฮีบรู กรีก อาหรับ และอาราเมอิก มีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 3 และ 2 ก่อนคริสตกาล
นักวิชาการเชื่อว่า ต้นฉบับเหล่านี้มาจากกลุ่มเอสเซนส์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่นับถือศาสนายิวในช่วงเปลี่ยนสหัสวรรษแรก
ที่มา : nypost.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES