เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ระหว่างปฏิบัติภารกิจอยู่ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทุกเช้าจะต้องประชุมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ถึงการเตรียมพร้อม และได้ติดต่อตรงทางไลน์ตลอดกับผู้ว่าฯ ซึ่งความพร้อมของฝ่ายปกครองคือการสนับสนุนเป็นแนวหลัง เพื่อเกิดความมั่นคง และความมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข หากมีความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ที่จะต้องอพยพ เราพร้อมที่จะมีศูนย์พักพิงให้ มีโรงพยาบาลสนามเตรียมเอาไว้ มีอาหารการกิน มีการจัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และชุดกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ไปดูแลบ้านเรือน ชุมชนของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน 7 จังหวัด ไม่ใช่เพียงแต่อุบลราชธานี ซึ่งเรามีความพร้อมเต็มที่และมีความพร้อมสนับสนุน
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีบทสรุปว่าการตัดสินใจเรื่องยุทธศาสตร์เป็นเรื่องของกองทัพ ซึ่งถ้ากองทัพต้องการสนับสนุนใดๆ เช่น การปิดด่าน ปิดชายแดน ก็ให้แจ้งมา ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพร้อมดำเนินการตามการตัดสินใจของผู้ที่มีอำนาจ
เมื่อถามว่าเรื่องขวัญกำลังใจประชาชนในพื้นที่ นายอนุทิน กล่าวว่า ระยะทางพื้นที่ยังห่างจากชายแดนหลาย 10 กิโลเมตร เราก็จัดชุดให้ไปเฝ้า ตามวิถีชาวบ้านที่ไปหาของป่า ก็ขอให้ยกเว้นสักพัก จะมีคนคอยลาดตระเวนดูแลในสวนแนวหลัง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า จะเกิดความปลอดภัยสูงสุด เพราะยังไม่มีกรณีลอบทำร้ายกันระหว่างสองฝั่ง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประชาชนยังใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ ซึ่งเขาก็พอใจ โดยเราจะไม่รบกวนกำลังของทหาร ที่ต้องดูแลการคุกคามของฝ่ายตรงข้ามตามแนวชายแดน ในส่วนนี้อส. ชรบ. และหน่วยฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอ จะต้องคอยตรึงแนวหลัง ให้มั่นใจว่าความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้น คิดว่าไม่มีปัญหา ท้้งนี้ถ้าเป็นไปได้ ตนกับคณะเล็กๆ รวมทั้งปลัดมหาดไทยและอธิบดีกรมการปกครอง จะเดินทางไปจ.อุบลราชธานี อย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 8 มิ.ย. และตนจะเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด ไปประชุมที่จ.อุบลราชธานีในวันพุธที่ 11 มิ.ย. เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าแนวทางในการสนับสนุนส่วนหน้า และแนวทางในการดูแลประชาชนจะต้องเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อถามถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยและพรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กและติดแฮชแท็ก “#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด” นายอนุทิน กล่าวว่า Wเราต้องให้กำลังใจกองทัพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรจะทำ พวกหนูคงไม่ทันหรอก ในสมัยคอมมิวนิสต์ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก็มีการร้องเพลงปลุกใจกันทั้งวัน เปรี้ยงๆ สายฟ้าฟาด หนักแผ่นดิน แต่หวังว่ายุคนี้คงไม่ต้องร้องเพลงขนาดนั้น”
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่คนอาจมองว่าเป็นการกระตุ้นให้เกิดการรัฐประหาร นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไกลเกินไป คิดแต่เรื่องดีๆ คิดว่าความพยายามที่จะเจรจายุติความขัดแย้งยังดำเนินอยู่ ประเทศไทยก็ออกแถลงการณ์ชัดเจน ว่ายังเชื่อเรื่องของการใช้การเจรจา ตามหลักสากลในการที่จะยุติข้อขัดแย้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องให้กำลังใจ