เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีกัมพูชาถอยกำลังกลับไปอยู่ที่จุดเดิมเมื่อปี 67 และปิดกลบคูเลตตามคำเรียกร้องของไทย ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดความสำเร็จ เป็นกระบวนการที่มีการพูดคุยกันทุกระดับ ตั้งแต่ระดับสูง อย่างนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แม่ทัพภาคที่ 2 มีการประสานงานกันตลอด โดยเราได้ให้ทูตทหารของเรากับทางกัมพูชาเป็นตัวประสานขับเคลื่อน คุยกันมาต่อเนื่องตลอด จนเวลา 11.00 น. วันที่ 8 มิ.ย. สมเด็จฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็อยากหาข้อสรุปที่เป็นสันติ คิดว่าการเกิดสงครามไม่มีประโยชน์ ตนเรียนไปว่า ตนในฐานะรองนายกฯ และรมว.กลาโหม การสั่งให้ทหารรบกันมันเร็วและมันง่าย แต่ความสูญเสียเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย สิ่งสำคัญคือ ทำอย่างไรให้ยุติโดยไม่มีความสูญเสีย นั่นคือทิศทางหลักที่เราทำ 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมา เราได้คุยกันตลอด เราอยากขอลดการเผชิญหน้า ทั้งนี้เราได้คุยกันตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ คุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตนคุยกับ พล.อ.เตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมกัมพูชา ก็มีข้อสรุปขั้นต้น และพยายามคุยกันต่อ ซึ่งตอนที่ตนกลับมาในการพูดคุยครั้งแรก มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เหมือนกับกระบวนการคุยกันยังไม่ยุติ จึงมีการคุยกันใหม่ โดยตนได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนไป ซึ่งทางระดับสูงของกัมพูชายินยอมที่จะหาทางออกร่วมกัน หลังจากนั้นกองทัพกัมพูชาได้ประสานผ่านมาทางทูตทหาร ให้ลงไปสำรวจพื้นที่ด้วยกัน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า โดยเฉพาะจุดที่ปะทะกัน โดยเราได้ส่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 ไป เพราะคุ้นเคยกับพื้นที่ จึงออกมาในสถานการณ์ที่ดี ข้อตกลงที่เราขอคือ หลังจากนี้อยากให้ทั้งสองฝ่ายเดินสำรวจพื้นที่ด้วยกัน ให้เป็นเหมือนเดิมที่เคยทำ ให้กลบคูเลต และปรับกำลังไปเหมือนในปี 67 ซึ่งอยากให้ยึดถือ เพราะเป็นช่องทางที่ทำให้มันยุติได้อย่างสงบ ปรับกำลังกันไป เขาอยู่ในจุดเดิมของเขา เราอยู่ในจุดเดิมของเรา ถือว่าเราประสบความสำเร็จในการยุติการเผชิญหน้าที่เป็นข้อแรกสุดที่เราอยากได้ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลง ขณะนี้ถือว่า อยู่ในจุดที่ยุติเรียบร้อยแล้ว 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต่อจากนี้จะเป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในวันที่ 14 มิ.ย. ซึ่งวาระที่คุยกันตั้งแต่ต้น ยังเป็นวาระเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้อเสนอของฝ่ายกัมพูชาจะคุยในเชิงเทคนิค แต่เราอยากให้เคลียร์ตรงนี้ให้ชัดเจนว่า เส้นแดนตรงนี้มันจะประคองกันไปอย่างไร จนกว่ามีข้อตัดสิน คิดหาประเด็นในการที่จะตัดสิน หรือเงื่อนไขอะไรในการตัดสินใจ คงจะจำกัดอยู่แค่ในเรื่องนี้ ส่วนกรณีปราสาทต่างๆ เรายังยืนยันว่า ยังไม่อยากพูดคุยในรอบนี้ หากเขาหยิบขึ้นมาเราก็พร้อมรับฟัง ต้องดูว่า วันที่ 14 มิ.ย.จะคลี่คลายไปอย่างไร ส่วนการปิดด่านต่างๆ มติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ให้หน้างานประเมินตามความเป็นจริง โดยได้คุยกับ ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 2 แม่ทัพภาคที่ 1 และกองกำลังจันทบุรีแล้วว่า เราจะค่อยๆ ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เพราะเราไม่ต้องการให้เสียเลือดเนื้อแม้แต่หยดเดียว ชีวิตประชาชนชายแดนทั้งสองฝ่าย และชีวิตทหารของเราในแนวหน้าเป็นสิ่งสำคัญ เราอยากแก้ปัญหา แต่ไม่อยากใช้ความรุนแรง ความอดทนอดกลั้นครั้งนี้ ต้องขอบคุณกองทัพที่เข้าใจมาโดยตลอด และประสานงานในการช่วยแก้ไขปัญหาจนกระทั่งสำเร็จ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกอย่างที่ได้คุยกัน ตนได้ให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นคนประสานงานกับเหล่าทัพ ซึ่งดี เพราะมีความผูกพันกับกองทัพ ส่วนตนได้คุยเฉพาะเรื่องสำคัญ และถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้แจ้งมา เพื่อจะได้แก้ปัญหา ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน ขอบคุณประชาชนทั้งสองประเทศที่อดทนอดกลั้น แม้จะมีอารมณ์ไปบ้าง แต่ก็ทำให้คลี่คลาย จบลงด้วยดี ขอบคุณทหารทุกฝ่าย ที่ไม่ทำให้เหตุการณ์รุนแรงไป จากนี้คงต้องกำหนดการคลี่คลายในเรื่องเขตแดนกับทางกัมพูชา และต้องวางมาตรการในระยะยาวต่อไป ซึ่งต้องรอการคลี่คลายต่างๆ อีกระยะหนึ่ง โดยเมื่อเช้าวันที่ 9 มิ.ย. ได้คุยกับ พล.อ.ณัฐพล ให้ดูเรื่องความจำเป็นในการจัดการเรื่องด่านอย่างไร เพราะเรื่องด่าน จริงๆ ตอนนี้เรายังไม่ได้ปิด แค่จำกัดเวลา และขณะนี้ยังไม่ได้กระทบการค้า และมาตรการขณะนี้อยู่ในมาตรการ Seal Stop Safe เพราะฉะนั้นตอนนี้ไม่มีปัญหา คิดว่าทุกอย่างจะคลี่คลายได้ดี ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย. ได้รายงานนายกฯ ตลอด รวมถึงประสานกับ ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 2 ตลอดเวลา 

เมื่อถามว่า ความสำเร็จเกิดจากมาตรการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่าน หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนว่ามีหลายมาตรการ แต่สิ่งสำคัญคือ การประสานงานที่คุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต และสมเด็จฮุน เซน คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คลี่คลายลง หลังจากท่าทีทั้งสองมีความเข้าใจมากขึ้น กระบวนการจากกองทัพกัมพูชาจึงได้เกิดขึ้น และมาตรการที่เราทำ อาจจะเป็นส่วนเสริมสำคัญที่ทำให้การพูดคุยมันเกิดเป็นข้อสรุปได้ง่ายขึ้น 

เมื่อถามว่า การตรึงกำลังของฝ่ายกัมพูชาตามแนวชายแดนจะลดจำนวนลงด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลังจากนี้จะรอดู เชื่อว่า มันจะค่อยๆ คลี่คลาย ความที่มันตึงเลยแล้วจะปลดทันที ก็คงไม่ถูกในวิสัย ตอนนี้ค่อยๆ ลดจุดเผชิญหน้า ขยับปรับกำลังกันไปแล้ว ส่วนอื่นๆ มันตรึงกำลังจริง แต่ยังไม่มีลักษณะในการปะทะ ที่ตึงเครียดจริงอยู่แถวช่องบก สามเหลี่ยมมรกต ต้นพญาสัตบรรณ ซึ่งตรงนี้คลี่คลายลงแล้ว