สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เกี่ยวกับความคืบหน้า หลังเที่ยวบินเอไอ171 ของสายการบินแอร์อินเดีย ซึ่งใช้เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ตกในเขตที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นหอพักแพทย์ หลังเทคออฟได้ประมาณ 5 นาที จากท่าอากาศยานนานาชาติอัห์มดาบาด ในรัฐคุชราต ทางตะวันตกของประเทศ และมีปลายทางคือท่าอากาศยานนานาชาติลอนดอน-แกตวิก ในสหราชอาณาจักร
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดีย กล่าวว่า โศกนาฏกรรมที่สนามบินอัห์มดาบาด “ไม่สามารถมีคำบรรยายได้” เขาขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของผู้ประสบภัยทุกคน และกำชับให้หน่วยงานทุกแห่งที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ ในการให้ความช่วยเหลือทุกคนที่ได้รับผลกระทบ
ด้านแอร์อินเดียยืนยัน ว่าบนเครื่องบินมีผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน แบ่งเป็นชาวอินเดีย 169 คน ชาวสหราชอาณาจักร 53 คน ชาวโปรตุเกส 7 คน และชาวแคนาดา 1 คน ส่วนลูกเรือทั้งหมดเป็นชาวอินเดีย และเครื่องบินลำที่ประสบเหตุ เป็นเครื่องบินโดยสาร 787-8 ดรีมไลเนอร์ ของบริษัทโบอิ้ง ซึ่งเป็นการตกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเครื่องบินรุ่นดังกล่าว นับตั้งแต่เริ่มมีการให้บริการอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2554
ขณะที่เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวว่า รัฐบาลสหราชอาณาจักรอยู่เคียงข้างครอบครัวของผู้ประสบภัยทุกคน และกระทรวงการต่างประเทศจัดตั้งศูนย์ประสานงานพิเศษ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติลอนดอน-แกตวิก ในกรุงลอนดอนแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจเมืองอัห์มดาบาดเปิดเผยกับสื่อหลายแห่งว่า “ไม่น่ามีผู้รอดชีวิต” จากโศกนาฏกรรมเครื่องบินตกครั้งนี้
ทั้งนี้ แอร์อินเดีย เป็นสายการบินแห่งชาติของอินเดีย แต่ประสบกับปัญหาด้านสภาพคล่องอย่างหนัก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ไม่ได้ประสบเหตุตกบ่อยครั้ง แต่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยเสียทีเดียว
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2563 เครื่องบินโดยสารของแอร์อินเดีย เอ็กซ์เพรส ในเครือแอร์อินเดีย ตกที่รัฐเกรละ ทางตอนใต้ของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และเมื่อปี 2553 เที่ยวบินเอไอ 812 เดินทางมาจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกระหว่างลงจอดที่สนามบินนานาชาติมังคาลอร์ ในรัฐกรณาฏกะ ทางตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 158 ราย.
เครดิตภาพ : AFP
