เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน แถลงข่าวว่า จากข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ตามที่รองนายกฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในการซื้อตึกสกายไนน์ ขณะนี้ มีการตรวจสอบออกมาเรียบร้อยแล้ว และมีข้อสั่งการเขียนด้วยลายมือมายังตน เพื่อทราบและให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการต่อไป ต่อรองนายกฯ ทุกขั้นตอน ให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด โดยคำนึงถึงและรักษาประโยชน์ของราชการเป็นสำคัญ ดังนั้นจากนี้ตนจะมีการตั้งคณะกรรมการประมาณ 6-7 คน เพื่อมาตรวจสอบความเสียหายและดูเรื่องของวินัยผู้ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างนี้ได้มีการส่งหนังสือเชิญบุคคลระดับปลัดกระทรวงมาเป็นประธานคณะกรรมการชุดนี้ เพราะต้องมีการสอบปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการประกันสังคม แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับมาว่าจะรับเป็นประธานสอบหรือไม่ ทั้งนี้ หากไม่มีใครกล้ารับหน้าที่นี้ ก็จะมีการหารือต่อว่าจะให้เป็นอดีตปลัดกระทรวงได้หรือไม่

ทั้งนี้ จะพยายามตั้งกรรมการให้ได้ภายในเดือนนี้ ย้ำว่ากรรมการและประธานจะไม่ซ้ำกับชุดที่นายอนุทินตั้งสอบ และมีผลสอบออกมาแล้วนั้น ส่วนระยะเวลาการสอบสวนนั้น ตนคงไม่กำหนด แต่ให้กรรมการสอบได้อย่างอิสระ เพราะมีรายละเอียดเยอะ เราคงไม่หยุดที่คนใดคนหนึ่ง แต่ลงไปถึงเจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่องขึ้นมา ลงไปถึงผู้บริหารประกันสังคม เข้าไปถึงอนุกรรมการในขณะนั้นอีก 2-3 ชุด และบอร์ดใหญ่ ว่าแต่ละขั้นตอนมีการอนุมัติเป็นขั้นเป็นตอนหรือไม่ เลขาฯ อนุมัติตามมติอนุกรรมการ หรือบอร์ดประกันสังคมหรือไม่ รวมทั้งสามารถเชิญอดีตปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นประธานบอร์ดขณะนั้นมาให้ข้อมูลได้ เพราะถือเป็นความรับผิดชอบของท่านด้วย รวมถึงจะเชิญใครมาให้ข้อมูลก็ได้ อย่างกรณีอดีต รมว.แรงงาน ตอนนั้น กรรมการอาจจะเชิญหรือไม่เชิญก็ได้ ถ้ามีการพาดพิง หรือถ้าไม่พาดพิง ก็อาจจะจำเป็นต้องเชิญมาให้ถ้อยคำก็ได้ ทั้งนี้ตนถือว่าทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบที่ยังไม่มีข้อสรุปว่าใครถูก ใครผิด ถ้ามีข้อสรุปจากกรรมการชุดที่ตนตั้งออกมาแล้ว ถึงจะระบุได้ว่าใครคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบตามลำดับชั้น 

รมว.แรงงาน กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ากระทรวงแรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจ เรามีขั้นตอนการสอบแล้วว่าที่ซื้อตึกแพงจริงหรือไม่ แล้วเกินกว่าที่ควรจะเป็นเท่าไหร่ การจัดซื้อผิดขั้นตอนหรือไม่ ทำไมถึงได้ออกมาตามที่ข้อมูลที่เรารับคือการประเมินฝ่ายเดียว ทำไมไม่ประเมิน 2 ฝ่าย คือผู้ขายและผู้ซื้อ ดังนั้นกรณีต้องมีผู้รับผิดชอบ และขอย้ำว่าตนจะทำให้โปร่งใสที่สุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดในยุคของตนเป็นรัฐมนตรี จึงทำให้ตนไม่ค่อยสบายใจ เพราะถ้าเป็นยุคของตนรับผิดชอบ 100% เราสามารถตอบอะไรก็ได้ 100% แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามารับหน้าที่ ทุกอย่างเป็นเรื่องของเพื่อนๆ จึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างให้โปร่งใสที่สุด พิสูจน์ได้ จับต้องได้ว่าตนไม่ได้รังแกใคร

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องสั่งให้นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างที่มีการสอบวินัยหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนนี้ ตนขอหารือในระดับผู้บังคับบัญชาสูงก่อน หรืออาจจะหารือนายอนุทิน รองนายกฯ ว่ามีความเห็นอย่างไร กรณีมีการตั้งกรรมการสอบวินัยแล้วต้องพักงานก่อนหรือไม่ ซึ่งจะทำให้เร็วที่สุด

“จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแจ้งมาทางผม ก็น่าจะมีการซื้อตึกที่เกินกว่าราคาเป็นจริง ซึ่งคณะกรรมการชุดที่แล้วมีความเห็นอย่างนี้ ผมก็ต้องตั้งกรรมการอีกชุดลงไปดู ไปสอบสวนว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริงชุดที่รองฯ อนุทิน ตั้งขึ้นมาหรือไม่ หรือมีส่วนไหนเหมือน ส่วนไหนแย้ง หรือส่วนไหนที่ต้องลงในเรื่องของวินัย” นายพิพัฒน์ กล่าวและว่า การทำงานของคณะกรรมการชุดใหม่นี้ อาจจะใช้เวลานานกว่า โดยต้องทำงานอย่างละเอียดรอบคอบ การจะลงโทษใครต้องมีความละเอียดรอบคอบ และกรรมการชุดที่แล้ว การสอบสวนก็ไม่ได้ลงลึกถึงการให้คุณให้โทษใคร แต่ชุดใหม่ที่ตั้งนี้ ลงลึกถึงการให้คุณให้โทษกับบุคคลหลายคน

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับปลัดกระทรวงแรงงานคนปัจจุบันเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เนื่องจากเรื่องนี้มีการตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว ตนคงไม่ไปรบกวนท่าน ต้องปล่อยให้กรรมการได้ทำงานอย่างอิสระ และโปร่งใสที่สุด ถ้าตนเข้าไปวุ่นวายกับกรรมการ หรือพูดอะไรกับท่านปลัดฯ ก็ถือว่า ตนไม่ได้วางตัวเป็นกลาง ซึ่งเราไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ เพราะตนเองก็ต้องบอกตรงๆ ว่า กรณีอย่างนี้จะพัวพันถึงจุดไหน จะยุ่งไปถึงคนภายนอกหรือไม่ เช่น ผู้บริหารบริษัท เป็นต้น ซึ่งเป็นอีกส่วนที่เราต้องสอบสวนด้วย

เมื่อถามว่า ส่วนตัว รมว. มองว่า การซื้อตึกสกายไนน์ในราคาดังกล่าว ถือว่าแพงเกินไปหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนจะไม่ใช้ความรู้สึกตัวเองมาชี้นำในขณะนี้ พูดว่าแพงไป ถูกไป หรือเหมาะสม เพราะอาจจะทำให้กรรมการยึดไปว่ารัฐมนตรีพูดเช่นนั้น เช่นนี้ เป็นการชี้นำ ดังนั้นตนไม่สะดวกตอบคำถามส่วนนี้ อะไรก็แล้วแต่ ตนต้องหารือกับคนที่รับเป็นกรรมการ และปล่อยให้คณะกรรมการชุดนั้นทำงานอย่างโปร่งใสที่สุด

“ตนจะไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในประกันสังคม ปลัดคนปัจจุบัน หรืออนุฯ แต่ละชุด บอร์ดแต่ละชุดในขณะนั้น และเป็นคนละชุดกับบอร์ดชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นบอร์ดที่แล้วไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ชุดปัจจุบันมาจากการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นตนก็ไม่แน่ใจว่า อาจจะมีบางท่านที่ยังอยู่ในบอร์ด หรือบางท่านมาเป็นที่ศึกษา ซึ่งตนก็ยังไม่ได้ดูข้อมูลส่วนนั้น” รมว.แรงงาน กล่าว

เมื่อถามว่า มองว่าเรื่องนี้ถูกใช้เป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มองเป็นเกมการเมือง เราอย่าเอาเหตุการณ์การเมืองปัจจุบันไปโยงย้อนหลังกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เพราะต่างกรรม ต่างวาระ ต่างเวลา และตอนนั้นก็ไม่เหมือนปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันนี้ตนก็ไม่ขอก้าวล่วงว่าการเมืองเขาจะเป็นอย่างไร ตนมีหน้าที่อย่างเดียว เมื่อมีข้อสั่งการมาตามลำดับชั้น ตนก็ต้องปฏิบัติตามข้อสั่งการ.