นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัด และผู้แทนภาคเอกชนในพื้นที่ ได้เห็นชอบโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำให้เสร็จภายใน 1 ปี จำนวน 7 โครงการ ภายใต้กรอบวงเงิน 494 ล้านบาท และเห็นชอบหลักการในโครงการที่เหลือตามข้อเสนอของภาคเอกชน ใน 5 ด้านสำคัญ ซึ่งนายกฯ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอไปพิจารณาใส่ไว้ในแผนงานต่อไป ซึ่งในรายละเอียดของผลประชุมทั้งหมดนั้น ได้เสนอให้ที่ ครม.สัญจร จังหวัดกระบี่ รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับ 7 โครงการเร่งด่วน ประกอบด้วยโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล, โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ อนุรักษ์ฟื้นฟูพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จังหวัดตรัง, โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จังหวัดระนอง, โครงการภูเก็ต เฮลท์ แซนด์บ็อกซ์ จังหวัดภูเก็ต, โครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา จังหวัดพังงา, โครงการปรับปรุงท่าเทียบเรือโดยสาร-ท่องเที่ยวปากคลองจิหลาด จังหวัดกระบี่ และโครงการพัฒนาแหล่งสปาวารีบำบัดน้ำพุร้อนคลองท่อมเมืองสปา จังหวัดกระบี่

ส่วนโครงการอื่น ๆ ที่ผ่านการเห็นชอบในหลักการ เช่น การเสนอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 68, การยกระดับและพัฒนาศักยภาพศูนย์สั่งการและระบบการแพทย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน, การยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการบริการสินค้าเพื่อสุขภาพ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน, การพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันทั้งระบบแบบยั่งยืน, การศึกษาระบบเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางบก ทางน้ำ ระบบราง และอากาศ เป็นต้น

นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กล่าวว่า ภาคเอกชนในภาคใต้ยินดีที่นายกฯ ได้นำคณะ ครม.ลงพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน พร้อมได้รับทราบข้อเสนอของภาคเอกชนผ่านโครงการต่าง ๆ ซึ่งครอบคลุมโครงการด้านสำคัญ ๆ ทั้งการท่องเที่ยว และโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก โดยแต่ละโครงการที่เสนอไปในครั้งนี้มีมูลค่ารวมกันประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท คาดว่า สร้างรายได้ภาคใต้ฝั่งอันดามันไม่ต่ำกว่าปีละ 600,000 ล้านบาท