เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. เวลา 13.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า จากการที่กระทรวงการต่างประเทศได้เผยแพร่ผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 เมื่อคืนวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้สะท้อนท่าทีของไทยอย่างชัดเจนเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ นอกจากนี้ ตามที่รัฐบาลไทยแถลงยืนยันมาตลอดเรื่องการยึดมั่นการใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ปัญหาเขตแดนด้วยความจริงใจและสุจริตใจ ซึ่งรวมถึงไทยเข้าร่วมประชุมเจบีซีครั้งที่ผ่านมาด้วยความตั้งใจจริงและความสุจริตใจที่จะเห็นผลลัพธ์เป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบสนอง และยังเลือกที่จะเสนอพื้นที่ 4 จุด ได้แก่ ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) ซึ่งในการเจรจาร่างระเบียบวาระการประชุมเจบีซีฯ ครั้งที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะไม่หารือถึงกรณีของพื้นที่ 4 จุดนี้ในการประชุมดังกล่าว ฝ่ายไทยจึงแสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะประเด็นด้านเขตแดนทั้งหมดอยู่ในขอบเขตการทำงานของเจบีซีที่เป็นประเด็นเชิงเทคนิค

นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า กลไกการประชุมเจบีซียังถือว่าปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล และทำต่อเนื่องมาตลอดเวลากว่า 25 ปี จึงขอย้ำว่ากลไกทวิภาคีผ่านการประชุมเจบีซียังดำเนินการได้ และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ รวมถึงนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเจบีซีสมัยพิเศษในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ตอบตกลงที่จะเข้าร่วมแล้ว 

นายนิกรเดช กล่าวว่า ส่วนเรื่องไอซีเจหรือศาลโลกนั้น รัฐบาลไทยยืนยันแล้วว่าไม่รับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน และประธานเจบีซีฝ่ายไทยได้ย้ำเรื่องนี้ในถ้อยแถลงแล้ว ซึ่งประธานเจบีซีฝ่ายกัมพูชาได้รับทราบ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมแนวทางการรับมือเรื่องศาลโลกไว้แล้ว สำหรับมาตรการตอบโต้ของฝ่ายไทยต่อกรณีกัมพูชามีมาตรการต่างๆ ซึ่งรวมถึงคำขู่ว่าจะปิดด่านและงดนำเข้าสินค้าจากไทย หากไทยไม่เปิดด่านนั้น ตนขอชี้แจงว่าประเทศไทยปฏิบัติตามหลักสากล และการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีจะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกันโดยที่ไม่มีการหารือเพื่อร่วมกันหาทางออกสร้างสรรค์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนของทั้ง 2 ฝ่ายมากที่สุด ทั้งนี้ไทยยึดถือผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนมาตลอด

“มาตรการของไทยที่ผ่านมาเป็นการตอบโต้ระดับรัฐบาล ไม่มีเป้าหมายโจมตีประชาชน ขณะที่แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ และการยื่นคำขาดต่อกันอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชน สะท้อนว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลไทยใช้วิจารณญาณและความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบและมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง ยกตัวอย่างกรณีแรงงานต่างชาติ นายกรัฐมนตรีไทยได้กล่าวเรื่องนี้แล้วว่ารัฐบาลไม่มีแนวคิดผลักดันแรงงานไทยออกนอกราชอาณาจักร ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแรงงาน” นายนิกรเดช กล่าว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ส่วนการชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยยังดำเนินการอยู่มาระยะหนึ่งแล้ว เราไม่เคยนิ่งนอนใจ โดยกระทรวงการต่างประเทศจัดการบรรยายสรุปสถานการณ์แก่คณะทูตต่างประเทศในวันนี้ (16 มิ.ย.) เวลา 15.30 น. เพื่อให้ข้อเท็จจริงว่าอะไรเกิดขึ้น ทั้งนโยบายสันติที่ไทยดำเนินการมาตลอด และแนวทางที่ไทยจะใช้ต่อไป นอกจากนี้ขอย้ำว่าขอให้สื่อมวลชนและประชาชนตรวจสอบข้อมูลอย่างชัดเจน ฝ่ายไทยจะนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องไม่บิดเบือนเพื่อให้ประชาชนรับทราบอย่างถูกต้อง และหลีกเลี่ยงการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไปเผยแพร่ในวงกว้าง

เมื่อถามถึงการแถลงข่าวของทางการไทยที่ถูกมองว่ามีความล่าช้า นายนิกรเดช กล่าวว่า การตอบโต้ไม่ใช่ทางออกเสมอไป จะต้องเป็นคำตอบที่ไม่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเชิงลึก อีกทั้งคณะเจบีซีฝ่ายไทยเพิ่งเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงไม่เหมาะสมในการเชิญสื่อมวลชนมาแถลงข่าวตั้งแต่เมื่อคืนวันดังกล่าว ทำให้มีการออกแถลงการณ์ในช่วงกลางดึก และเชิญนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะเจบีซี ฝ่ายไทย มาแถลงในวันนี้