เมื่อวันที่ 16 พ.ย. รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ประเมินตัวเลขจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 แล้วเห็นว่า สำหรับกิจการผับ บาร์ และคาราโอเกะ ยังมีความเสี่ยงต่อการพบการแพร่ระบาด ขณะเดียวกันเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อสูง และยังมีตัวเลขจากการติดเชื้อโควิด-19 จากกิจการนี้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ รวมถึงจำนวนการฉีดวัคซีนที่ยังไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ตามเป้า ดังนั้น สถานประกอบการยังต้องเตรียมความพร้อม รวมถึงต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ และไม่ให้มีการแพร่ระบาด ซึ่งสำหรับมาตรการสาธารณสุขจะต้องมีความชัดเจนและเข้มข้นผ่านการประเมิน โดยถ้าเปิดบริการแล้วเกิดการระบาดก่อนสิ้นปี 2564 ก็จะกระทบกับกิจกรรมและบรรยากาศการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของประชาชน

ทั้งนี้ ศบค.ยังไม่ให้ผ่อนคลายกิจการเหล่านี้ ขณะเดียวกันมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ได้ประชุมร่วมกับทางจังหวัด และขอให้ผู้ประกอบการในแต่ละจังหวัด ในแต่ละพื้นที่โซนสีได้เสนอมาตรการที่ชัดเจนเข้มงวด สามารถรอรับการเปิดบริการและพร้อมรับการประเมิน โดยจะขึ้นทะเบียนไว้ก่อนเพื่อรอการเสนอให้ศบค.พิจารณา ที่จะมีการประชุม เพื่อประเมินสถานการณ์ทุก 15 วัน อย่างไรก็ตาม หากอนุญาตให้เปิดกิจการผับ บาร์ และคาราโอเกะ ในสภาวการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง อาจจะทำให้ผู้ประกอบการเองอยู่ในภาวะเสี่ยงสูงในเรื่องของการลงทุน เพราะหากเปิดให้บริการแล้ว ถ้าเปิดได้ไม่นานแล้วจะต้องหยุดหรือชะงักก็อาจมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) เวลา 13.00 น. นายอนันต์ สุวรรณปาน ผู้บริหารโรงเหล้าแสงจันทร์ พร้อมตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการผับ บาร์ คาราโอเกะ และตัวแทนศิลปิน อ.ไข่ มาลีฮวนน่า เข้าพบ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อเสนอแนวทางการปฏิบัติงานของสถานบันเทิงเหล่านี้ก่อนเปิดให้บริการ และแนวทางปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ห้องรับรองชั้น 2 สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ภายในทำเนียบรัฐบาล