สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ว่านายแดเนียล เฟนสเทอร์ ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน วัย 37 ปี เดินทางพร้อมนายบิล ริชาร์ดสัน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) จากเมียนมา ถึงท่าอากาศยานนานาชาติเจเอฟเค ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร หลังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอินเส่ง ที่เมืองย่างกุ้งของเมียนมา เป็นเวลานานเกือบ 6 เดือน และศาลทหารเพิ่งตัดสินให้เฟนสเทอร์รับโทษจำคุกและใช้แรงงานหนัก เป็นเวลา 11 ปี


ทั้งนี้ เฟนสเทอร์แถลงหลังพบกับสมาชิกในครอบครัวซึ่งเดินทางจากบ้าน ในเมืองดีทรอยต์ เพื่อมารับถึงสนามบินในนครนิวยอร์ก ว่าเขาขอบคุณและจะไม่ลืมบุญคุณทุกคน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือให้เขาได้รับอิสรภาพจากเรือนจำอินเส่ง ตลอดระยะเวลาซึ่งอยู่ในสถานที่แห่งนั้น ถือเป็นการก้าวข้ามผ่าน “ทุกอุปสรรคที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบ”

นายแดเนียล เฟนสเทอร์ และสมาชิกในครอบครัว ซึ่งมารับที่สนามบินเจเอฟเค


ขณะเดียวกัน เฟนสเทอร์กล่าวถึงหมวกไหมพรมที่เขายังคงสวมไว้บนศีรษะ ตั้งแต่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ว่า “เพื่อนนักโทษคนหนึ่งมอบให้” โดยปฏิเสธขยายความว่าเป็นใคร แต่กล่าวว่า เขามีเวลาเฉลิมฉลองกับครอบครัวไม่มากนัก เพราะนับจากนี้ เขามีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องเคลื่อนไหวต่อ “เพื่อทุกคนซึ่งยังคงถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรมอยู่ในนั้น” และกล่าวติดตลกว่า เขายังไม่ได้ตรวจสอบกับนายจ้างในเมียนมา คือ “ฟรอนเทียร์ เมียนมา” ว่าเขายังคงเป็นพนักงานอยู่หรือเปล่า เพราะไม่ได้มาทำงานตั้งแต่ปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

นายบิล ริชาร์ดสัน ( คนซ้าย ) และนายแดเนียล เฟนสเทอร์


ด้านกองบรรณาธิการของฟรอนเทียร์ เมียนมา ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีกับอิสรภาพของเฟนสเทอร์ ส่วนริชาร์ดสันกล่าวว่า เขาได้รับอนุญาตให้เข้าพบพล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา 4 ครั้ง และยืนยันว่า “ประเด็นหลัก” ของการหารือ เกี่ยวกับการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพื่อตอบสนองต่อโรคโควิด-19 และเรื่องดังกล่าว “ปูทางไปสู่” การหยิบยกเรื่องของเฟนสเทอร์ขึ้นมาพูดคุย.

เครดิตภาพ : AP