เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากความขัดแย้งกรณีไทย-กัมพูชา ซึ่งล่าสุดแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มีคำสั่งปิดด่านถาวรที่ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ และช่องผ่อนปรนสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์ มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.68 เป็นต้นไป และมีแนวโน้มจะปิดเพิ่มที่ด่านถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ อีกจุด

อย่างไรก็ตามยังคงไม่มีคำสั่งออกมาที่ชัดเจน แต่ว่าในพื้นที่ก็เริ่มเป็นห่วงเรื่องเศรฐกิจชายแดน โดยเฉพาะที่ด่านถาวรช่องจอม ซึ่งยังคงเปิดปิดด่าน ตามมาตรการความมั่นคง โดยเปิดอาทิตย์ละ 3 วัน คือวันจันทร์ พุธ และศุกร์ เปิดตั้งแต่เวลา 08.00 น.- 15.00 น. ในขณะเดียวกันก็มีคำสั่งจากกระทรวงพาณิชย์ ให้งดนำเข้ามันสำปะหลังเด็ดขาดจากกัมพูชาซึ่งก็จะทำให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจชายแดน

นายวิรัตน์ เศรษฐวิพัฒนชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ ออกมาเปิดเผยว่า ปัจจุบันมูลค่าการนำเข้าหรือส่งออกของจังหวัดสุรินทร์ลดฮวบไปกว่า 80% ตนซึ่งเป็นตัวแทนภาคธุรกิจเศรษฐกิจในพื้นที่ จึงเห็นได้ว่าการเกิดความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งสองฝ่าย หากมีการปิดด่านขึ้นมา ด่านถาวรช่องจอมซึ่งมีการส่งสินค้าผ่านไปมาตลอดเวลา หลักๆ สินค้าที่ส่งออกไปกัมพูชาจะเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค ในขณะที่สินค้าที่นำเข้ามาจะเป็นสินค้าด้านพืชผลทางการเกษตร มันสำปะหลัง เป็นหลัก

โดยหลักมูลค่าการส่งออกไปของเขาจะมากกว่านำเข้า หากปิดด่านก็จะเกิดผลกระทบขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย การแก้ไขปัญหาดังกล่าวมองว่าการเจรจากันน่าจะเป็นทางออกที่ดี เพื่อผลประโยชน์ที่ดีของทั้ง 2 ประเทศ เพราะสุดท้ายเราก็เป็นเพื่อนบ้านกัน อย่างไรเราก็ต้องมีเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อกันตลอดเวลา ย้ำว่าการเจรจากันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด