นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมกรมการชนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่องกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริการอื่น สำหรับรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564 เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา สำหรับความคืบหน้าเรื่องเรียกรถยนต์ส่วนบุคคลผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ ขณะนี้ ขบ. ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจให้บริการแอพพลิเคชั่น หรือเจ้าของแอพ ยื่นเรื่องขออนุญาตมายัง ขบ. แล้ว ซึ่งมีผู้สนใจเบื้องต้น 5-6 ราย เช่น บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Grab), บอนกุ (BONKU), บริษัท ฮัลโหลภูเก็ตเซอร์วิส จำกัด (Hello Phuket) และ แอร์เอเชีย 

ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 ราย ที่เร่งดำเนินการ คือ แกร็บ และ บอนกุ โดยได้หารือกับ ขบ. อย่างต่อเนื่อง ในการจัดทำเอกสาร เพื่อประกอบการยื่นขออนุญาตให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนด ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย, มีทุนจดทะเบียน ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท, มีสถานที่ประกอบการในไทย, มีความพร้อมในการให้บริการตลอด 24 ชม. และต้องไม่เคยถูกเพิกถอนการได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการระบบ GPS ตามกฎหมายของ รวมทั้งต้องพัฒนาแอพ ให้มีหน้าตาตามที่กฎกระทรวงกำหนด กรอบราคาค่าโดยสาร และประเภทรถที่จะใช้บริการ 

นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้บริษัทฯ เหล่านี้ต้องเตรียมความพร้อมบุคคลที่จะนำรถยนต์มาให้บริการต้องดำเนินการเงื่อนไขที่ ขบ. กำหนดด้วย โดยให้จดทะเบียนได้เพียงคนละ 1 คัน แต่หลังจากนั้นคนขับสามารถใช้แอพในให้การบริการมากกว่า 1 แอพ หรือ 1 คน มี 2-3 แอพ ก็ได้แล้วแต่สิทธิคนขับรถ ทั้งนี้ต้องดำเนินการขอรับใบขับขี่สาธารณะด้วย ซึ่ง ขบ. จะอำนวยความสะดวกในการดำเนินการให้ โดยการเปิดให้ทำในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนที่มาดำเนินการด้านใบขับขี่ในวันทำงานปกติ จันทร์-ศุกร์

ซึ่งเมื่อบริษัทฯ มีแผนขัดเจนแล้ว ขบ. จะจัดกลุ่มแบ่งจำนวน 200-300 คน หรือตามความเมเหมาะสมของสถานที่ ในการเข้าอบรมขอรับใบขับขี่สาธารณะต่อไป เพื่อให้เกิดความสะดวก และรวดเร็ว ขณะเดียวกันจะต้องประสานงานทางตำรวจให้ช่วยตรวจสอบประวัติอาชญากรรมให้ผู้ที่มาขอรับใบขับขี่สาธารณะด้วย ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้จะต้องดำเนินการควบคู่กัน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเห็นบริการเรียกรถผ่านแอพ ภายในปีนี้   

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามประกาศราชกิจจานุเบกษามีดังนี้ 1.รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก ระยะทาง 2 กม. แรก 40-45 บาท ระยะทางเกินกว่า 2  กม. ขึ้นไป กม. ละ 6-10 บาท 2.รถยนต์ฯ ขนาดกลาง 2 กม. แรก 45-50 บาท ระยะทางเกินกว่า 2 กม. ขึ้นไป กม. ละ 7-12 บาท และ 3. รถยนต์ฯ ขนาดใหญ่ 2 กม. แรก 100-150 บาท ระยะทางเกินกว่า 6 กม. ขึ้นไป กม. ละ 12-16 บาท กรณีที่ระบบคำนวณอัตราค่าโดยสารล่วงหน้าประเมินว่าสภาพการจราจรจะทำให้รถไม่สามารถ เคลื่อนที่หรือเดินรถต่อไปได้ตามปกติวิสัย การคิดอัตราค่าโดยสารของรถตาม ให้คำนวณเพิ่มในอัตรานาทีละ 2 บาท  

ส่วนค่าบริการอื่น ให้กำหนดเพิ่มขึ้นจากอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสาร ดังนี้ 1.กรณีเรียกรถผ่านแอพ มีค่าเรียกเก็บเพิ่ม 20 บาท 2.ค่าบริการเพิ่มกรณีเรียกรถผ่านแอพไม่สมดุล กับความต้องการใช้บริการ เรียกเก็บได้ไม่เกินหนึ่งเท่า แต่ต้องไม่เกิน 200 บาท ทั้งนี้การเรียกเก็บค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารของรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เรียกเก็บตามจำนวนเงินซึ่งคำนวณโดยระบบการคิดอัตราค่าโดยสารล่วงหน้า ที่ปรากฏในอุปกรณ์เครื่องสื่อสารเพื่อการรับงานจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ ขบ. ให้การรับรอง จากประกาศดังกล่าว คำนวณราคาเริ่มต้นค่าโดยสารต่ำสุด 40 บาท บวกค่าบริการ (ค่าเรียกรถ) 20 บาท อยู่ที่ 60 บาท โดยประกาศนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป