เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. เวลา 09.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีทีนายกรัฐมนตรีหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ในวันดังกล่าวไม่ได้พูดเรื่องส่วนตัวของพรรค แต่พูดเรื่องความเดือดร้อนและปัญหาต่างๆ ของประชาชน โดยรัฐบาลเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เน้นเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง และรับฟังประชาชนให้มากขึ้น สำหรับปัญหาใหญ่ที่ได้มีการพูดคุยกันในวันดังกล่าว คือ เรื่องของเกษตรกร ปัญหาหนี้สินของประชาชน ซึ่งเรื่องของปัญหาหนี้สินนั้น รัฐบาลได้ทำกฎหมายฟื้นฟูบุคคลธรรมดาที่จะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินของภาคประชาชนได้มาก รวมถึงการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น และปัญหาที่สำคัญในตอนนี้คือการรักษาอธิปไตยของประเทศ ความมั่นคงชาติต้องมาก่อน
เมื่อถามว่าเหตุใดขณะนี้จึงมาเร่งการแก้ปัญหาประชาชน ทั้งที่ 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้เท่าที่ควร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราก็ทำมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องยาเสพติด แต่ปัญหานี้ก็มีพัฒนาการ รวมถึงเรื่องปัญหาเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวที่ขณะนี้มีจำนวนลดลง
เมื่อถามว่าในการหารือดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้ระบุด้วยหรือไม่ว่า หากร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ผ่านสภาแล้ว นายกฯ จะลาออกจากตำแหน่ง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่มีครับ เพราะเสียงเราเกินอยู่แล้ว ตามที่ได้ประเมินกันไว้ การประชุมสภานั้น เป็นเรื่องของความรับผิดชอบของ สส. ทุกคนที่ต้องเข้าร่วมประชุม
เมื่อถามว่าแสดงว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังยืนยันจะอยู่ร่วมกันไปแบบนี้ต่อไปใช่หรือไม่ เพราะมีบางคนวิเคราะห์ว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้ไม่นาน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรามองประชาชนเป็นหลัก และในวันนั้นไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่ง ส่วนการพิจารณาตำแหน่งเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า พ.ต.อ.ทวี ยังอยู่ในตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม เช่นเดิมใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุย แต่ถ้านายกรัฐมนตรีจะมีการปรับเปลี่ยน ก็จะให้มากรอกประวัติ แต่สำหรับตนนั้นไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาชาติได้เก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่มี เราไม่ได้เรียกร้อง เมื่อถามอีกว่าถ้านายกฯ เสนอมาให้ พรรคประชาชาติก็ยินดีรับไว้ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อย่าสมมุติ เพราะถ้าสมมุติจะทำให้เกิดความขัดแย้งกัน วันนี้เราต้องพูดความจริงต่อกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี ร่วมลงพื้นที่กับ พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และอดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จับกุมยาเสพติด เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การลงพื้นที่ดังกล่าว เป็นตารางงานเมื่อนานมาแล้ว เพราะตนได้ตั้ง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก เป็นประธานสกัดกั้นยาเสพติดฯ และ พล.อ.นิพัทธ์ ได้แต่งตั้ง พล.อ.สุนัย มาทำงานด้วย จึงมีกำหนดการในช่วงที่ว่างร่วมกัน
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจาก พล.อ.สุนัย มีชื่อเป็นหนึ่งในคู่ชิงตำแหน่ง รมว.กลาโหม คนใหม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนไม่ได้สอบถาม เพียงแค่แหย่กันเล่นว่าทำไมมากับคนดัง เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.สุนัย เป็นอดีตหน่วยรบพิเศษที่ทำงานนอกประเทศเกือบทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐบาลจะนำกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า พรรคประชาชาติได้เสนอกฎหมายไปแล้ว อีกทั้งประเทศในองค์กรสหประชาชาติ ไม่มีที่ไหนที่กัญชาไม่เป็นยาเสพติด ฉะนั้นการที่เราจะอยู่กับต่างประเทศ กัญชาก็ต้องใช้ได้เฉพาะการแพทย์เท่านั้น เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าไม่เห็นด้วยกับการเปิดให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการในช่วงที่ผ่านมา ใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ข้อมูลจากการบำบัด พบว่าผู้เสพกระท่อมและกัญชา มีจำนวนเพิ่มขึ้น 12 เท่า ถือเป็นเรื่องน่าอันตราย