สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ว่าพล.ต.อียัล ซาเมียร์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของอิสราเอล กล่าวถึงผลลัพธ์ของปฏิบัติการทางทหาร ที่เป็นการโจมตีอิหร่าน ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยเน้นไปที่โครงการนิวเคลียร์ ว่าสามารถทำให้ความพยายามของอิหร่านในเรื่องนี้ “ถอยหลังได้หลายปี”
ขณะที่ พล.จ.เอฟฟี เดฟริน โฆษกกองทัพอิสราเอล ยืนยันว่า ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในครั้งนี้ สามารถทำให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน “ถอยหลังได้นานหลายปีจริง” อย่างไรก็ตาม พล.จ.เดฟรินยอมรับว่า “ยังเร็วเกินไป” ที่จะสรุปขอบเขตความเสียหายตั้งแต่ตอนนี้
⭕“We’ve set Iran’s nuclear project back by years, and the same applies to its missile program.”
— Israel Defense Forces (@IDF) June 24, 2025
-Chief of the General Staff LTG Eyal Zamir during a situational assessment following the beginning of the ceasefire with Iran pic.twitter.com/SvipxFxyhv
ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นหลายแห่งของสหรัฐรายงาน อ้างเป็นเอกสารลับซึ่งเป็นผลการประเมินเบื้องต้นโดยสำนักข่าวกรองกลาโหมแห่งชาติ ว่าปฏิบัติการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา “ไม่สามารถทำลายพื้นที่ชั้นใน” ของฐานนิวเคลียร์ทั้งสามแห่ง คือนาทานซ์ อิสฟาฮาน และฟอร์โดว์
“Overnight, we deepened the strike on the nuclear site in Isfahan and in western Iran. On the screen, you can see the site where reconversion of enriched uranium takes place. This is the stage following enrichment in the process of developing a nuclear weapon. We had already… pic.twitter.com/UbWO3M8PBV
— Israel Defense Forces (@IDF) June 21, 2025
ปฏิบัติการดังกล่าว ที่เป็นการส่งฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน “บี-2” ไปทิ้งระเบิดเจาะเกราะขนาดใหญ่ “จีบียู-57” เพื่อทำลายโรงงานนิวเคลียร์ทั้งสามแห่ง ทำได้เพียงสร้างความเสียหายให้กับประตูทางเข้าโรงงาน แต่ไม่สามารถทำลายศูนย์นิวเคลียร์ที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินได้ รายงานชิ้นนี้จึงสรุปว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จึงทำได้เพียงชะลอโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน “ไม่กี่เดือน” เท่านั้น เนื่องจากคลังยูเรเนียมเสริมสมรรถนะและเครื่องหมุนเหวี่ยงทั้งหมดยังคงอยู่
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประณามรายงานชิ้นนี้ “เป็นเฟคนิวส์” ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้กับหนึ่งในปฏิบัติการทางทหารครั้งสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ.
เครดิตภาพ : AFP