ในโลก Cryptocurrency ที่กำลังเป็นที่นิยมและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น จนตอนนี้หลากหลายธุรกิจในไทยเริ่มเข้ามาลงเล่นในตลาดนี้กันจำนวนมาก และจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆในอนาคต โดยยังต้องติดตามว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน ซึ่งเริ่มมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่หลายคนอาจเริ่มรู้จักอย่างคำว่า NFT CBDC และ Metaverse
ช่วงหนึ่งของงานสัมมนาออนไลน์ “Thailand’s Next Move : Looking Beyond Covid-19” ในหัวข้อ “Cryptocurrency พลิกโลกการเงินพลังโควิด 2021” ได้มี 3 กูรูด้านคริปโตเคอร์เรนซีมาให้ข้อมูลด้านเทคโนโลยีที่กำลังจะมาเปลี่ยนโลกอนาคตในเวลาอันใกล้นี้
“จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้มีมุมมองว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซีอยู่ที่ 2.76 ล้านล้านดอลลาร์ เติบโตเร็วเมื่อเทียบกับปีก่อน และคนไทยเปิดบัญชีประเภทนี้เยอะขึ้น เช่นของ บิทคับ มีคนเปิดบัญชี 4 แสนบัญชีเมื่อปีก่อน พอมาปีนี้ในเดือน ต.ค.64 มีคนเปิดบัญชีแล้ว 2.5 ล้านบัญชี
ในเรื่องของ NFT (Non-Fungible Token) จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกอนาคตในอีก 10 ปีข้างหน้า จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ดูได้จากเฟซบุ้ก ที่รีแบนด์และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta รองรับทิศทางให้เข้ากับธุรกิจแห่งอนาคตอย่างเมตาเวิร์ส (Metaverse) หรือเป็นโลกเสมือน เปลี่ยนวงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ วงการโฆษณา เกมมิ่ง เช่น ดูโฆษณา หรือเล่นเกมแล้วก็ได้เงิน ซึ่งอีกหน่อยอาจเปลี่ยนจากสังคมก้มหน้า กลายเป็นสังคมใส่แว่นตา ที่เชื่อมต่อกับโลกเสมือนมากขึ้น
ขณะที่เรื่องเงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นแนวคิดที่ดี ธปท.เป็นธนาคารกลางอีกหลายประเทศที่ศึกษาเรื่องคริปโตฯค่อนข้างเร็ว และไตรมาสแรก หรือไตรมาสสองปี 65 จะเริ่มทดสอบ CBDC กับประชาชน และจะมีธนาคารพาณิชย์เข้ามาร่วมได้ด้วย ในอนาคตการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะไม่ใช่แค่ในมือถือสมาร์ทโฟน แต่อาจเชื่อมกับอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น นาฬิกา แว่นตา สามารถจ่ายเงิน โอนเงิน กู้เงินได้
“ไม่ว่าเราจะลงทุนช่วงใดก็ตาม มีโอกาสทำกำไรและมีความเสี่ยงได้ทั้งหมด อยู่ที่ว่าพร้อมหรือไม่ พร้อมที่ 1 คืออย่าเอาเงินร้อนมาลงทุน พร้อมที่ 2 คือต้องมีความรู้ด้านการเงินมากพอ และพร้อมที่ 3 คือ สติ ทุกคนต้องมีสติในการลงทุนและต้องรู้ด้วยว่าตนเองเป็นนักลงทุนประเภทใด ความพร้อมคือสิ่งสำคัญที่สุดหากจะเข้ามาในตลาดคริปโตฯ” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
“ปรมินทร์ อินโสม” ผู้ก่อตั้ง Satang Pro และกรรมการบริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บอกว่า ราคาคริปโตฯ อย่างบิตคอยน์ หรืออีเทอเรียม ยังมีปัจจัยบวก ถ้าไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดราคาก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ต้องตอบตนเองให้ได้ก่อนว่าเข้ามาเล่นเพื่ออะไร เพื่อหวังกำไร หรืออยากพัฒนา ecosystem ของเทคโนโลยี
ส่วนเรื่อง NFT ที่ผ่านมามีมานานแล้วแต่เพิ่งมาฮิตกันช่วงนี้ เช่น เรื่องศิลปะ ภาพวาด แต่ตอนนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ในอนาคต NFT จะสามารถไปได้อีกไกลมาก ทุกอย่างสามารถมองให้เป็น NFT ได้ทั้งหมด
“เราอาจไม่สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ทั้งหมด 100% แต่อย่างน้อยก็มีข้อมูลที่สนับสนุนแนวคิด 60-70% แล้ว ดังนั้น นักลงทุนควรต้องมีการกำหนด Risk Ratio ว่าถ้าราคาไปถึงจะได้กำไรเท่าไร แล้วถ้าหากไปไม่ถึงจะขาดทุนเท่าไร ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการวางแผนคำนวณด้วยตนเอง” ปรมินทร์ อินโสม
“เอกลาภ ยิ้มวิไล” ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้พูดถึงทิศทางตลาดคริปโตฯ ในปัจจุบันเริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้นจากสถาบันต่างประเทศ และกองทุนต่างๆ เชื่อว่าในอนาคตเริ่มมีหลากหลายกลุ่มมากขึ้น ถ้าถามว่าราคาบิตคอยน์จะแตะ 1 แสนดอลลาร์หรือไม่ (จากปัจจุบัน 6 หมื่นดอลลาร์) เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ถ้าราคาปรับขึ้นสูงแล้ว อย่างเช่นปัจจุบันที่ขึ้นสูงทำจุดสูงสุดใหม่ ทุกคนได้กำไรหมด นักลงทุนจะต้องระวัง
CBDC เป็นเรื่องที่ดี ให้เกิดสังคมไร้เงินสด ซึ่ง ธปท.เป็น 1 ในหลายประเทศทั่วโลกที่ IMF ระบุว่า กำลังศึกษาโครงการ CBDC เชื่อว่าถ้า CBDC เกิดขึ้นจะมีผลประโยชน์กับคนให้เข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนไม่ต้องมีบัญชีเงินฝากก็ได้ และสามารถออมในกองทุน ลงทุนตราสารหนี้ผ่านมือถือได้เลย
แต่มุมมองความเสี่ยง คือ CBDC ทุกธุรกรรมทุกสิ่งทุกอย่างจะเห็นและตรวจสอบได้ทั้งหมด เช่น เอาเงินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวก็เห็นจะมีความเป็น Privacy หรือเปล่า เป็นอีกประเด็นที่ต้องติดตาม
ส่วนกระแส NFT ถือเป็นเรื่องที่ดีใช้บล็อกเชนให้เป็นประโยชน์ เชื่อว่า NFT ในอนาคตจะมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น เกมมิ่ง แต่ตอนนี้ NFT มีผลกับเมตาเวิร์สแล้ว เช่น Meta เฟซบุ๊ก ที่กำลังจะเปลี่ยนโลกอนาคต
“NFT กับ GameFi จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นใน 1-2 ปีข้างหน้า และจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโลก Metaverse ด้วย ผมมองว่า NFT มีอนาคตที่สดใสมาก แม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นแต่เชื่อว่า NFT จะโตไปได้อีกไกลแน่นอน” เอกลาภ ยิ้มวิไล
