จากกรณีกลุ่มลูกศิษย์ “หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม” หรือ พระราชมงคลวัชราจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าอาวาสวัดธารทหาร หรือ ห้วยด้วน ต.ธารทหาร อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ ยื่นเรื่องร้องเรียนถอดถอนผู้ดูแลของหลวงพ่อพัฒน์ ต่อกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (บก.ปปป.) ราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เนื่องจากมีคณะกรรมการฝ่ายฆราวาสบางรายแสดงพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ด้วยการนิมนต์หลวงพ่อพัฒน์ออกจากวัดไปประกอบศาสนกิจบ่อยๆ เดินทางไปไกล จนเป็นเหตุให้หมดสติขณะออกกิจนิมนต์ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.สินแพทย์ จ.กาญจนบุรี ทำให้สังคมและผู้ที่มีความเคารพศรัทธาในหลวงปู่พัฒน์ ทวงถามถึงการบริหารจัดการกิจนิมนต์และการดูแลสุขภาพ พร้อมเรียกร้องให้ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ที่ใกล้ชิดหลวงพ่อ ก่อนที่ทาง บก.ปปป. จะอายัดเงินกว่า 60 ล้านบาทไว้ตรวจสอบ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อายัดเงินกว่า60ล.คนสนิท ‘หลวงพ่อพัฒน์’ เร่งสอบเส้นทางคลายปมสงสัยศิษย์

เรียกคณะกก.ไวยาวัจกรวัดห้วยด้วน สอบปมอายัดเงิน60ล. คนสนิท ‘หลวงพ่อพัฒน์’

ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่วัดห้วยด้วน (ธารทหาร) อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อม พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 และพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. ร่วมเป็นสักขีพยานการรับมอบถวายเงินคืนแด่ พระราชมงคลวัชราจารย์ หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าอาวาสวัดธารทหาร หรือวัดห้วยด้วน รวม 63,034,470 บาท หลังก่อนหน้านี้มีตรวจสอบพบว่ากลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน มียักย้ายถ่ายเทเงินของวัดเข้าบัญชีส่วนตัว จนเกิดเป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับพฤติกรรมบริหารจัดการเงินวัดที่ไม่โปร่งใส

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า บก.ปปป. ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ากลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ คือนายเสนาะ นางชัญญา และนางบุญเชิด (ทั้งหมดสงวนนามสกุล) ทั้ง 3 ราย มีนําเงินของวัดไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง 7 บัญชี รวมเป็นเงิน 63,034,470 บาท จึงได้อายัดเงินในบัญชีดังกล่าวไว้ก่อนเข้าตรวจสอบภายในวัด ตรวจยึดเอกสารและหลักฐานต่างๆ นํามาตรวจสอบ พร้อมกับเชิญตัวบุคคลทั้ง 3 คนมาสอบปากคำถึงที่ไปที่มาของเงินดังกล่าว

ทั้งนี้สอบปากคำเบื้องต้นไวยาวัจกรทั้ง 3 ราย ยอมรับว่าเงิน 63 ล้านบาท เป็นเงินของหลวงพ่อพัฒน์จริง สอดคล้องกับคำให้การของหลวงพ่อพัฒน์ ที่เคยให้การว่าเงินที่ได้รับการถวายจะให้กลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดนําเงินไปฝากในบัญชีส่วนตัวเพื่อสะดวกในการเบิกเงินมาใช้ ในการสร้างเจดีย์กลางน้ำและสาธารณประโยชน์ แต่จําได้ว่ามอบเงินให้ไปฝากประมาณ 28 ล้านบาทเท่านั้น และเมื่อถึงกําหนดการจ่ายค่างวดก่อสร้างเจดีย์กลางน้ำ หลวงพ่อพัฒน์ ได้ให้นายเสนาะ ไปถอนเงิน 15 ล้านบาท เพื่อมาจ่ายให้กับผู้รับเหมา แต่นายเสนาะ กลับไม่ยอมถอนเงินมาให้ ทําให้หลวงพ่อพัฒน์ ต้องหาเงินจากส่วนอื่นมาจ่ายค่าก่อสร้างแทน

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทาง บก.ปปป. เข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจนทราบข้อเท็จจริง ทางไวยาวัจกรทั้ง 3 ราย จึงยินยอมทำหนังสือบันทึกสมัครใจถอนเงินจํานวนดังกล่าวมาถวายคืนแด่หลวงพ่อพัฒน์และวัด จนนำมาสู่พิธีการทำบันทึกคืนเงินกลับคืนวัดในวันนี้ นอกเหนือจากเงิน 63 ล้านบาทดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจยึดและอายัดบัญชีธนาคารอีกบัญชีหนึ่งนายเสนาะ รวม 7.9 ล้านบาท เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเงินของวัดอีกหรือไม่ 

“ยืนยันว่าคดีนี้จะมีดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแน่นอนว่ากันไปตามพยานหลักฐานไม่มีละเว้น แต่ในขั้นตอนแรกที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการคือการติดตามเงินกลับคืนมาให้วัดได้หมดเสียก่อน ส่วนสำนวนคดีการเอาผิดกับผู้กระทำผิดหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะเร่งสรุปสํานวนการสอบสวนดังกล่าวให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ เพื่อไต่สวนและวินิจฉัยว่ามีกระทําผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่หรือไม่ ตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หรือไม่ต่อไป” ผบก.ปปป. กล่าว 

สำหรับประวัติ หลวงพ่อพัฒน์ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ปฏิบัติวางตัวดี มีความเมตตาสูง ทําให้มีประชนชนและลูกศิษย์เลื่อมใสศรัทธา เคารพนับถือจํานวนมาก ด้วยเหตุนี้จึงทําให้มีผู้มาขอให้หลวงพ่อพัฒน์ ปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ และถวายเงินแด่หลวงพ่อพัฒน์ เป็นเงินปีละกว่าร้อยล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้ทางหลวงพ่อจะนําเงินไปใช้ในการทํานุบํารุงศาสนาและให้หน่วยงานที่เข้ามาขอความช่วยเหลือเพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น วัด โรงพยาบาล และโรงเรียนต่างๆ โดยไม่ได้นําเงินไปใช้ในทางส่วนตัว