สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ว่า นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า การที่สื่อตะวันตกหลายแห่ง นำโดยสำนักข่าวสหรัฐ พร้อมใจกันนำเสนอรายงานว่า รัฐบาลมอสโกมีแผนรุกรานยูเครน เหตุจากการประจำการทหารและสรรพาวุธจำนวนมาก ประชิดชายแดนทางตะวันตกที่ติดกับยูเครน “คือเจตนาดิสเครดิตรัสเซีย” ทั้งที่การเคลื่อนไหวของทหารรัสเซียอยู่ภายในดินแดนของตัวเองตลอด “จึงไม่น่ารวบกวนใจฝ่ายใด”


อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวกรองทหารของยูเครนยืนยันว่า รัสเซียวางกำลังพลมากกว่า 92,000 นาย ตลอดแนวชายแดนที่ติดกัน และมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ปฏิบัติการทางทหารข้ามพรมแดน จะเกิดขึ้นภายในเดือน ม.ค.ปีหน้า “หรืออย่างช้าที่สุด” คือไม่เกินต้นเดือนก.พ.นี้ โดยกลยุทธ์ที่ใช้อาจรวมถึง การโจมตีทางอากาศ การยกพลขึ้นบก และการเคลื่อนพลเข้าสู่ยูเครนผ่านเบลารุส ซึ่งยังคงเป็นพันธมิตรเหนียวแน่นกับรัสเซีย


ข้อมูลดังกล่าวเรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศรัสเซีย ที่กล่าวว่า “ยิ่งสะท้อนเจตนายั่วยุ” ของยูเครน ขณะที่สำนักข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย ( เอสวีอาร์ ) ออกแถลงการณ์วิจารณ์กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ “กลายเป็นหน่วยงานเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ” ว่า “รัสเซียกำลังจะส่งรถถังข้ามแดนไปยังยูเครน” ทั้งที่ตอนนี้ กองทัพยูเครนวางกำลังทหารและสรรพาวุธประชิดติดพรมแดนกับรัสเซียและเบลารุส

อนึ่ง นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า รัสเซีย “จะใช้สูตรเดิม” นั่นคือ “การรุกรานเพราะถูกยั่วยุ”


ขณะเดียวกัน เอสวีอาร์ยังวิจารณ์รัฐบาลวอชิงตันและสหภาพยุโรป ( อียู ) กำลังพยายามสร้างบรรยากาศให้เหมือนช่วงก่อนสงคราม “ขนาดย่อม” ระหว่างรัสเซียกับจอร์เจีย หรือ “สงคราม 5 วัน” เมื่อเดือน ส.ค. 2551 ซึ่งสงครามครั้งนั้นยุติด้วยความพ่ายแพ้ของจอร์เจีย การสูญเสียการควบคุมสาธารณรัฐปกครองตนเองอับคาเซีย 25% และสาธารณรัฐเซาท์ออสเซเทีย 40%.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES