เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ภายหลังเป็นประธานการประชุมศบค. ว่า ที่ประชุมในวันนี้ได้รับทราบสถานการณ์ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งมีความเกี่ยวพันธ์เชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดประเทศ ซึ่งต้องเน้นมาตรการ Covid Free Setting (สร้างความปลอดภัยจากเชื้อโรคโควิด-19) ซึ่งต้องใช้ในกิจการทุกประเภท การจะทำอะไรก็ตามจะต้องเน้นย้ำเรื่องการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน ซึ่งขณะนี้อยู่ใยขั้นตอนการดำเนินการอยู่ โดยหากมีความพร้อมก็ค่อยว่ากันอีกที ซึ่งก็ต้องเห็นใจด้วย ซึ่งมาตรการด้านสาธารณสุขถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องการให้ปีใหม่ของเราเป็นปีที่มีความสุข ไม่มีการแพร่ระบาดในช่วงนี้หรือช่วงปีใหม่ ก็ขอให้เข้าใจด้วย ที่เป็นมติร่วมกันที่พิจารณาเมื่อสักครู่นี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนที่มีการรายงานการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศแอฟริกานั้น ตนทราบแล้ว และมีการรายงานติดตามอยู่แล้ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำลังพิจารณาว่าจะต้องมีมาตรการอะไร อย่างไร แต่ห้ามเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้อย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้นำเชื้อมาติด นอกจากนี้จะต้องสร้างความเข้าใจในเรื่องของวัคซีน สิ่งสำคัญคือต้องช่วยกันฉีดให้มากกว่าเดิม

เมื่อถามถึงกรณีที่มีสถานบันเทิงแอบเปิดใจกลางเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้สั่งการตำรวจไปแล้ว ซึ่งจะขึ้นบัญชีสถานบันเทิงเหล่านี้ไว้ และไม่ให้เปิดอีก และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นจะต้องมีรับผิดชอบด้วย ซึ่งมีผลทางวินัยและจับกุมดำเนินคดีได้ทุกวัน ขณะที่การเปิดเรียนแบบ on-site ที่ให้มีการตรวจ ATK ผู้ปกครองนั้นจะถือเป็นการผลักภาระให้ผู้ปกครองหรือไม่นั้น ก็ต้องช่วยกันคำนึงถึงความปลอดภัยส่วนรวม การศึกษาที่ดีที่สุดคือการพบปะกับคุณครู เมื่อมีปัญหาอยู่ก็ต้องช่วยกันไปก่อน อันไหนเปิดได้ก็เปิดอันไหนทำได้ก็ทำ หลายอย่างมีผลกระทบร่วมกันทั้งสิ้น รัฐบาลก็พยายามแก้ไขปัญหาอยู่

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลนำนักดนตรีและผู้ประกอบการสถานบันเทิงฟ้องร้องศาลแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาล หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมายในทุกเรื่อง เป็นเรื่องของศาลและอัยการที่จะต้องพิจารณา ซึ่งเขาก็ได้ชี้แจงกับต่างประเทศหมดแล้ว หากถามกลับว่าประเทศเขาเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกับเรา ก็จะต้องทำเหมือนที่เราทำ หรือบางครั้งอาจรุนแรงกว่าเราด้วยซ้ำไป ซึ่งบ้านเราต้องเลิกการใช้มวลชนมาทำผิดกฎหมายเสียที การที่บอกว่ารัฐบาลรังแกก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับด้านการท่องเที่ยว ได้รับรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากสถิติพบว่านักท่องเที่ยวมีการติดเชื้อจำนวนน้อย และเข้าสู่กระบวนการรักษา ทั้งเข้มเข็มงวด มีมาตรการรองรับที่ปลอดภัย ส่วนแนวทางการเปิดสถานบันเทิง ครั้งที่แล้วตัวได้สั่งการไปแล้วให้มีการพิจารณามาตรการของตัวเอง แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วทางการแพทย์ยังคงมีปัญหาอยู่ และเกรงว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่จะเกิดปัญหาอีกทุกคนก็จะไม่มีความสุขอีก หาผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free setting ไม่ได้ก็ต้องขยับไปก่อน แต่ขอทำให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน รวมทั้งต้องทำมาตรฐานตัวเองให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมสถานบันเทิง ก็ต้องมาขึ้นบัญชีกันให้หมด หากไม่ยอมรับมาตรการและทำตามมาตรฐานเหล่านี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อประเทศ

“เดินหน้ามาขนาดนี้แล้วจะถอยหลังอีกหรือ ย้ำว่ารัฐบาลจะหามาตรการชดเชยให้ และเชื้อเชิญให้ผู้ประกอบการและนักดนตรี ได้มีการเตรียมงบประมาณในส่วนนี้ไว้แล้ว จึงขอประเมินสถานการณ์ก่อน แต่ย้ำว่าเห็นใจความเดือดร้อนประชาชน โดยได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดูว่าจะช่วยเหลือยากลุ่มนี้ได้อย่างไร ซึ่งรัฐบาลก็ช่วยมาตลอดแต่ขอให้เห็นใจรัฐบาลบ้างเงินทองมีจำกัด ต้องทำเท่าที่จำเป็น หากทุกคนเสนอสิ่งที่ต้องการมาทั้งหมด แต่ไม่มีวิธีการแก้ไขคงไม่ได้ และย้ำว่าตนฟังทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องวัคซีนว่า ขออย่าเลือกยี่ห้อฉีดวัคซีน ซึ่งวัคซีนทางเลือกรัฐบาลก็สนับสนุนเต็มที่ อย่างในกรณีที่ไปจองเองรัฐบาลก็สนับสนุนให้ไม่ได้ แต่ก็เชิญชวนผู้ที่จะไปรับวัคซีนทางเลือกแต่ยังไม่ได้รับให้มาฉีดวัคซีนของรัฐก่อน ซึ่งรัฐพร้อมให้บริการ ถ้าไม่ฉีดวัคซีนก็จะเดินทางไปไหนก็ลำบาก