เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงผลการประชุมศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ศบค.เห็นชอบการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 ในกิจการสถานบันเทิง โดยในเรื่องดังกล่าวที่ประชุมใช้เวลาพูดคุยกันพอสมควร เนื่องจากถ้าย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ในที่ประชุม ศบค.ได้พิจารณาให้มีการเตรียมความพร้อมทั้งหน่วยงานของรัฐในการจัดทำมาตรการตรวจประเมินและอนุญาตให้เปิดกิจการสถานบันเทิงและผู้ประกอบการทำการปรับปรุงสถานบันเทิง เพื่อเปิดสถานบันเทิงในวันที่ 16 ม.ค. 2565 แต่จะต้องดูตามสถานการณ์ด้วย ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีผู้ประกอบการและผู้ที่ทำงานกลางคืนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว ได้ขอให้มีการพิจารณาเปิดดำเนินการภายในเดือนธ.ค.นี้ โดยมีการยื่นข้อเสนอให้ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศปก.ศบค.) ซึ่งได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าเสนอในที่ประชุม ศปก.ศบค. ที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข และที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมศบค.มีข้อคิดเห็นรายข้อโดยมีเหตุผลว่าถ้าจะต้องเปิดสถานบันเทิงมีความเสี่ยงในหลายประเด็น คือ 1.สถานที่ผับ บาร์ และคาราโอเกะ จะมีเรื่องการถ่ายเทของอากาศ ที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย 2.พฤติกรรมการดื่มส่วนใหญ่จะต้องเปิดหน้ากากอนามัย และมีการพูดคุยกัน และ 3.ระยะเวลาที่อยู่ร่วมกันจะนานกว่าปกติหลายชั่วโมง และหากย้อนไปประวัติการติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดจากคลัสเตอร์ใหญ่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงมีไม่ต่ำกว่า 2 คลัสเตอร์ตั้งแต่ปี 2563 และปี 2563 เราพลาดการฉลองปีใหม่ เพราะมีการระบาดช่วงก่อนปีใหม่ไม่นานทำให้ภาพลักษณ์การส่งเสริมการท่องเที่ยวขาดช่วง ที่จะประกาศศักยภาพของประเทศที่จะใช้เทศกาลฉลองปีใหม่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ส่งเสริมประเทศไทยมีประเทศไทยมีชื่อเสียงว่ามีศักยภาพในการควบคุมป้องกันโรค

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เราเห็นใจประชาชนที่ทำงานในสถานบันเทิง ดังนั้นที่ประชุม ศบค.เห็นชอบให้เปิดสถานบันเทิงโดยพิจารณาจากความพร้อมเป็นระยะๆ ถ้าผู้ประกอบการผู้ดำเนินการหรือทำงานในสถานบันเทิง ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อาจจะได้เปิดเร็วกว่าวันที่ 16 ม.ค.2565 ซึ่งอยู่ที่สิ่งแวดล้อมและตัวบุคคล ทั้งนี้ สำหรับแผนการปรับมาตรการ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนเตรียมความพร้อม ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้ เตรียมความพร้อมการเปิดโดยผู้ประกอบการทำการปรับปรุงสภาพแวดล้อม ระบบระบายอากาศและเร่งรัดให้บุคลากรได้รับวัคซีน 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเตรียมความพร้อม ในการเปิดทำการประเมินขึ้นทะเบียนสถานบันเทิง และออกใบอนุญาตเปิดดำเนินการกรณีผ่านการประเมินเท่านั้น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ส่วนแผนการพิจารณาเปิดดำเนินการ เมื่อกิจการสถานบันเทิงมีความพร้อม โดยพื้นที่ในการเปิดดำเนินการ ได้แก่ พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว)และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จำหน่ายสุรา ไม่เกินเวลา 23.00 น. เปิดบริการไม่เกินเวลา 24.00 น. และงดกิจกรรมให้บริการคาราโอเกะ งดจัดพื้นที่เต้นรำส่วนกลาง งดบริการเครื่องดื่มที่มีการใช้แก้วร่วมกัน งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การให้บริการและกิจกรรมที่มีการคลุกคลีและสัมผัสใกล้ชิดกับลูกค้า ทั้งนี้จะต้องมีการกำกับติดตามประเมินสถานการณ์ หากไม่มีการระบาดจากสถานบันเทิง ก็ให้เปิดดำเนินการต่อไป แต่มีหากมีการระบาดจากสถานบันเทิง ไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดพิจารณาปิดดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดและกำหนดบทลงโทษ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในที่ประชุม ศบค. โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและสาธารณสุข รายงานมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 สำหรับกิจการสถานบันเทิงที่อยากจะเปิดกิจการต้องตรวจมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) อย่างไรก็ตาม ผอ.ศบค. ให้กระทรวงแรงงานไปสำรวจผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งนายจ้างและลูกจ้างว่ามีจำนวนเท่าใดและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการทางมาดูว่าจะสามารถเยียวยากันอย่างไรต่อไป โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้แจ้งว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้จะหารือกับผู้ประกอบการ เพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าว