เมื่อวันที่ 26 พ.ย. น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากข้อเรียกร้องของ ส.ส.ที่อยากให้รัฐบาลเปิดด่านชายแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อการท่องเที่ยว สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มี แนวโน้มดีขึ้นมากอย่างต่อเนื่องนั้น ขอชี้แจงว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะดำเนินการเปิดประเทศทางด่านชายแดนอยู่แล้ว และการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) วันที่ 26 พ.ย. มีการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ สงขลา สตูล นราธิวาส ยะลา และปัตตานี รวมถึงตั้งเป้าหมายการเปิดประเทศทางด่านไทย-มาเลเซีย วันที่ 16 ธ.ค.2564 ทั้งนี้ ศบค. จะพิจารณาระดับการเปิดด่านตามสถานการณ์ ณ ห้วงเวลานั้น

ส่วนด่านชายแดนที่ ศบค.ส่วนหน้าได้พิจารณาในเบื้องต้น คือ ด่านสะเดา จ.สงขลา, ด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส, ด่านเบตง จ.ยะลา และด่านวังประจัน จ.สตูล ซึ่งในการประชุม ศบค.ครั้งต่อไปจะได้คำตอบที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานให้ทางการมาเลเซียได้รับทราบแล้ว ซึ่งเชื่อว่าเมื่อเปิดด่าน เศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวขึ้นอย่างแน่นอน

น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินการด้านสาธารณสุขยังคงเดินหน้าต่ออย่างเข้มงวดและเข้มข้น เพื่อให้จังหวัดดังกล่าวมีความพร้อมอย่างสูงสุด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องการเร่งรัดการฉีดวัคซีนทั้งรูปแบบ On Site และรูปแบบหน่วยเคลื่อนที่ (โมบาย ยูนิต) ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายปฏิบัติการได้ใช้กลไกสนับสนุน เพิ่มเติมจากกลไกของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข อาทิ พบปะผู้นำศาสนาขอให้ช่วยพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชน เน้นย้ำกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยติดตามลูกบ้านเข้ารับการฉีด ประสานผู้ประกอบการ จัดแคมเปญจูงใจ เช่น การแจกคูปองลดราคา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม นายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ผนึกกำลังสู้กับโรคโควิด-19 และเป็นความตั้งใจของรัฐบาลอยู่แล้วที่ต้องการเปิดประเทศทางด่านชายแดนใต้ให้เป็นของขวัญปีใหม่ 2565 ซึ่งการเปิดด่านจะนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจ เป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศอย่างมาก มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงคโปร์มาไทยเพิ่มขึ้น ขณะนี้ทางการไทยและมาเลเซียได้ติดตามสถานการณ์สาธารณสุขและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด.