สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 26 พ.ย.ว่าองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา “บี.1.1.529” ว่ายังต้องการเวลาอีก “2-3 สัปดาห์” เพื่อศึกษารูปแบบการติดเชื้อ และผลกระทบที่มีต่อกระบวนการรักษา และการทำงานของวัคซีน
#WHO cautions against imposing #travel restrictions due to new variant B1.1.529 – latest #EU #UK #SouthAfrica https://t.co/f2Sh1n3oGY
— Stephanie Nebehay (@StephNebehay) November 26, 2021
ทั้งนี้ นานาประเทศทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง ยกระดับมาตรการควบคุมพรมแดน และระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นชาติแรกที่ส่งข้อมูลอย่างเป็นทางการของเชื้อบี.1.1.529 ให้แก่ดับเบิลยูเอชโอ และประเทศเพื่อนบ้านของแอฟริกาใต้อีกหลายแห่งได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางตามไปด้วย ซึ่งดับเบิลยูเอชโอขอเรียกร้องแต่ละประเทศประเมินความเสี่ยง “บนหลักการทางวิทยาศาสตร์”
Dr @mvankerkhove gives an update on #COVID19 virus variant B.1.1.529, during the #AskWHO session on 25 November 2021 ⬇️ pic.twitter.com/ZpflfEYzW9
— World Health Organization (WHO) (@WHO) November 25, 2021
ขณะที่ พญ.มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าหน่วยโรคอุบัติใหม่ของดับเบิลยูเอชโอ กล่าวว่า สิ่งที่ดับเบิลยูเอชโอทราบเกี่ยวกับเชื้อบี.1.1.529 ในตอนนี้ คือมีการกลายพันธุ์ “ในระดับสูง” เมื่อมีการกลายพันธุ์มากขนาดนั้น สิ่งที่น่ากังวลคือ พฤติกรรมของเชื้อไวรัสจะเปลี่ยนแปลง จึงต้องมีการทำความเข้าใจกับรูปแบบของการกลายพันธุ์ให้ได้อย่างลึกซึ้งกว่านี้ เมื่อได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ ดับเบิลยูเอชโอจะพิจารณา ว่าควรจัดเข้ากลุ่ม “สายพันธุ์น่าวิตกกังวล” หรือ “สายพันธุ์น่าสนใจ” หรือน่าจับตา แล้วจะมีการตั้งชื่อภาษากรีกให้ต่อไป.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES