สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ผู้นำฝรั่งเศส ลงนามร่วมกันในสนธิสัญญาส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือฉบับใหม่ ที่กรุงโรม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยข้อตกลงดังกล่าวมีชื่อว่า “คิรินาเล” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับพระราชวังคิรินาเล ที่เป็นทำเนียบประธานาธิบดีของอิตาลี

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ( คนซ้าย ) และนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ลงนามในข้อตกลงยกระดับความร่วมมือ ที่ทำเนียบคิรินาเล ในกรุงโรม

แม้เนื้อหาของกรอบความร่วมมือยังแทบไม่มีรายละเอียดใดมากนัก โดยระบุเพียงการยกระดับความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรม วัฒนธรรม การศึกษา ความมั่นคง ความร่วมมือข้ามพรมแดน และนโยบายต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม มาครงยกย่องข้อตกลงนี้ “ตอกย้ำความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง” ระหว่างสองประเทศ “ที่เคยผ่านช่วงเวลายากลำบากร่วมกัน” ที่น่าจะสื่อถึงความขัดแย้งทางการทูตระดับทวิภาคี เมื่อปี 2562 จากกรณีรัฐบาลอิตาลีในเวลานั้น ซึ่งพรรคประชานิยมฝ่ายขวาเป็นแกนนำ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลฝรั่งเศสของมาครงอย่างเปิดเผย

นายโอลาฟ โชลซ์ ( คนกลาง ) ถ่ายภาพร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่ของเยอรมนี


ด้านดรากีกล่าวถึงการลงนามครั้งนี้ “คือช่วงเวลาประวัติศาสตร์” ที่จะช่วยเร่วกระบวนการบูรณาการยุโรปต่อไป ทั้งนี้ การพบหารือของผู้นำอิตาลีกับฝรั่งเศส เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่พรรคสังคมประชาธิปไตย ( เอสพีดี ) ของนายโอลาฟ โชลซ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงการคลังของเยอรมนี ซึ่งชนะการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา จับมือตั้งรัฐบาลผสม 3 พรรคได้สำเร็จ และอยู่ระหว่างรอการรับรองจากรัฐสภา ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่โชลซ์ขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ จะเป็นการปิดฉากการอยู่ในตำแหน่งยาวนานต่อเนื่อง 16 ปี ของกนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล.

เครดิตภาพ : AP