เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงภาพรวมสถานการณ์โควิดประเทศไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 4,753 ราย, ยอดป่วยสะสม 2,111,566 ราย, หายป่วยเพิ่ม 6,165 ราย ,อยู่ระหว่างรักษาตัว 77,811 ราย, อาการหนัก 1,369 ราย, ใส่เครื่องช่วยหายใจ 330 ราย, เสียชีวิตเพิ่ม 27 ราย, รวมเสียชีวิตสะสม 20,734 ราย, ยอดสะสมผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิดตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-28 พ.ย.2564 มีจำนวน 92,360,417 โด๊ส แบ่งเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 47,963,180 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 41,053,644 ราย เข็มที่ 3 จำนวน 3,343,593 ราย

สำหรับจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ 605 ราย 2.นครศรีธรรมราช 381 ราย 3.สงขลา 354 ราย 4.สุราษฎร์ธานี 254 ราย 5.เชียงใหม่ 186 ราย 6.สมุทรปราการ 149 ราย 7.ชลบุรี 147 ราย 8.ภูเก็ต 133 ราย 9.ปัตตานี 121 ราย 10.นครราชสีมา 110 ราย ขณะที่ จ.สมุทรสาคร ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ สำหรับทิศทางตัวเลขการติดเชื้อยังลดลง แต่ยังมีจังหวัดที่ต้องมีการเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด รวม 10 จังหวัด ซึ่งแบ่งเป็นจังหวัดที่มีการติดเชื้อรายใหม่เกิน 100 รายต่อวัน ได้แก่ สงขลา นครราชสีมา นครศรีธรรมราช และขอนแก่น ส่วนจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50-100 รายต่อวัน คือ กระบี่ ชุมพร พัทลุง ราชบุรี สระบุรี สตูล ขณะที่ 5 จังหวัดที่มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อสูงขึ้น คือ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เชียงราย ลำพูน สิงห์บุรี ทั้งนี้ กรณีของ จ.เชียงราย มีสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือการพบคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อในตลาด ขณะที่ จ.ลำพูน พบคลัสเตอร์ในโรงงาน

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นอกจากพบในหลายประเทศของทวีปแอฟริกาแล้ว ตอนนี้ยังพบในทวีปยุโรปด้วย ได้แก่ ประเทศอิตาลี เยอรมนี อังกฤษ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เช็ก เดนมาร์ก ซึ่งพบเชื้อจากผู้ที่มาจากทวีปแอฟริกา ขณะที่ในทวีปเอเชียพบในฮ่องกงและอิสราเอล รวมถึงพบที่ออสเตรเลียด้วย ซึ่งจากการพบระบาดในวงกว้าง ทำให้ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (อีโอซี) เตรียมปรับมาตรการให้สอดคล้องกับมาตรการของหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจาก องค์การอนามัยโลกเป็นห่วงการพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน สามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลตา แม้ยังไม่พบเรื่องความรุนแรง แต่ต้องเฝ้าระวังกลุ่มผู้สูงอายุ และมักพบเชื้อสายพันธุ์นี้ในพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนจำนวนน้อย

“ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขขอย้ำว่าถ้าเราไม่รีบรณรงค์การฉีดวัคซีน ประเทศเราอาจพบเชื้อกลายพันธุ์ดังกล่าวได้ และจากข้อมูลผู้เดินทางจากประเทศต่างๆ แถบแอฟริกาตอนใต้เข้ามายังประเทศไทย ในช่วงวันที่ 1-27 พ.ย.2564 รวมมียอดสะสม 1,007 ราย โดยทั้งหมดตรวจด้วย RT-PCR ผลออกมาเป็นลบ” พญ.อภิสมัย กล่าว.