จากกรณีผู้บริหาร บริษัท สวนเสือศรีราชา จำกัด ได้ประกาศเลิกกิจการ “สวนเสือศรีราชา” ปิดตำนาน 24 ปี ไปอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) หลังไม่สามารถประคองธุรกิจให้ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปได้ โดยสัตว์จำนวนหนึ่งประกาศขาย อีกส่วนจะเตรียมย้ายไปที่ดินบริษัทกว่า 5,000 ตัว ส่วนโครงการในอนาคตจะทำอะไร จะมีการแจ้งข้อมูลอีกครั้ง ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
- ฟ้าผ่าเลข24 ‘สวนเสือศรีราชา’ เลิกกิจการ ทยอยย้ายสัตว์กว่า5พันตัว
- ใจหาย ‘สวนเสือศรีราชา’ ทยอยขนของออก รอคำชี้แจง ‘ปิดหรือย้าย’
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 14 ก.ค. นายสุเมธ ปัญญาสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีราชาฟาร์มจระเข้และผลิตภัณฑ์ จำกัด ผู้จำหน่ายและส่งออกผลิตภัณฑ์จากจระเข้และฟาร์มเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดใหญ่ของ จ.ชลบุรี รวมทั้งยังเป็นผู้ให้เช่าพื้นที่ดำเนินกิจการสวนเสือศรีราชา ได้ออกมาเปิดเผยว่าบริษัทฯ พร้อมที่จะเข้ารีโนเวทพื้นที่ภายในสวนสัตว์เดิม หลังผู้เช่าหมดสัญญาในวันที่ 15 ก.ค.นี้ และยังยืนยันว่าจะคงไว้ซึ่งการเป็นแลนด์มาร์คด้านการท่องเที่ยวในลักษณะสวนสัตว์ของเมืองศรีราชาต่อไป โดยจะใช้งบประมาณจำนวนหลายสิบล้านบาทเข้าที่ปรับปรุงพื้นที่ในส่วนต่างๆ ภายใต้การบริหารงานทีมผู้บริหารซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมด โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีในการปรับปรุงพื้นที่สวนสัตว์ รวมทั้งจัดหาสัตว์ชนิดใหม่เข้าเพิ่มเติมจากเสือที่มีอยู่จำนวน 400 ตัว เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการได้ก่อนในช่วงต้นปี 2565 โดยถือเป็นการรีโนเวทในเฟสแรกเพื่อให้เปิดดำเนินการได้ก่อน
นายสุเมธ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนงานการรีโนเวทพื้นที่จะแบ่งออกเป็น 3 เฟส และจะใช้เวลารวมทั้งสิ้น 3 ปี โดยจะทยอยเปิดให้บริการทีละเฟสภายใต้ชื่อใหม่ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เชื่อว่าเมื่อครบระยะเวลา 3 ปีของการปรับปรุงสวนสัตว์แห่งใหม่นี้ จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเต็มรูปแบบ และเชื่อว่าจะเป็นช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
“เรามั่นใจว่าสวนสัตว์ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของ ศรีราชาฟาร์มและผลิตภัณฑ์ จะรักษาแลนด์มาร์คเดิมไม่ให้หายไปไหน และจะกลายเป็น นิวแลนด์มาร์ค ที่กลับมาครองใจนักท่องเที่ยวอีกครั้ง เพราะเรายืนยันตั้งแต่แรกแล้วว่าจะทำต่อจากผู้เช่าเดิมเพียง แต่ใช้ทีมผู้บริหารซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ ที่สำคัญยังจะเป็นศูนย์อนุรักษ์เสือที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอีกด้วย” นายสุเมธ กล่าว
นายสุเมธ กล่าวทิ้งท้ายว่า เบื้องต้นรูปแบบสวนสัตว์กลางเมืองศรีราชาแห่งใหม่ จะเป็นศูนย์รวมทางการท่องเที่ยวแบบครบวงจรเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่ และกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวที่นิยมการพักผ่อนที่สามารถสัมผัสธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด.
