เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สรุป ภาพรวมการเฝ้าระวังสายพันธุ์ โควิดในประเทศไทย ผลตรวจพบสายพันธุ์เดลตา ยังไม่พบโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแต่อย่างใด ดังนั้น ณ วันนี้ขีดเส้นใต้สองเส้นเหมือนเดิมว่าประเทศไทยยังไม่พบสายพันธุ์โอไมครอน และยืนยันการตรวจด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานทั่วโลกสามารถตรวจหาเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาน้ำยาตรวจจำเพาะต่อสายพันธุ์โอไมครอนคาดว่าอีก 2 สัปดาห์น่าจะเสร็จ

ด้าน นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กล่าวว่าสำหรับประเทศที่มีรายงานพบสายพันธุ์โอไมครอนคือ ทวีปแอฟริกา บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แอฟริกาใต้ ซิมบับเว ทวีปยุโรป อิตาลี เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ บริเตน เบลเยียม เช็ก เดนมาร์ก ทวีปเอเชีย ฮ่องกง อิสราเอล ออสเตรเลีย

“ขณะนี้เราได้นำรายชื่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศในทวีปแอฟริกา ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยก่อนหน้านี้ ส่งให้เครือข่ายเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรคระดับเขต ประสานดูว่า นักท่องเที่ยวที่มีผลตรวจวันแรกเป็นลบ เดินทางไปพื้นที่ใดหรือไม่ ที่จะต้องติดตามให้กักตัว หรือว่าถ้ามีการติดเชื้อเจอในผู้เดินทางเข้าประเทศ ก็ได้ย้ำให้ส่งตรวจแยกสายพันธุ์เพื่อรู้สถานการณ์ทันท่วงที อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องการ์ดสูงไว้ตลอด” นพ.เฉวตสรร กล่าว

พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) สรุปภาพรวมเปิดประเทศ วันที่ 1-28 พ.ย.มีผู้เดินทางโดยเครื่องบินเข้าประเทศไทย 122,398 คน พบติดเชื้อทั้งหมด 160 คนคิดเป็น 0.13 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้เดินทางทั้งหมด และไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจาก 8 ประเทศทวีปแอฟริกาซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2564 ยกเว้นผู้ที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น ส่วนคนที่ลงทะเบียนมาก่อนหน้านี้ ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน และต้องรับการตรวจด้วย RT-PCR 3 ครั้ง.