นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับผู้ผลิตและผู้นำเข้าเคมีเกษตร 22 ราย จัดโครงการพาณิชย์ลดราคาเคมีเกษตรช่วยเกษตรกร ลดราคายากำจัดวัชพืช ยาปราบศัตรูพืช ยากำจัดโรคพืช รวม 74 รายการ ในราคาถูกกว่าท้องตลาดกว่า 22-35% ปริมาณ 235,268 ลิตรหรือกิโลกรัม เพื่อช่วยลดต้นทุนการเพาะปลูกให้แก่เกษตรกร ระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่บัดนี้จนถึง สิ้นเดือน ก.พ.65 หลังจากที่ผ่านมาราคาสินค้าเคมีเกษตรต่างๆ ได้มีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง 30-40%   

สำหรับโครงการ พาณิชย์ลดราคาเคมีเกษตรช่วยเกษตรกร จะลดราคาขายเคมีเกษตร 3 กลุ่ม ได้แก่ ยากำจัดวัชพืช ลดสูงสุด 22% หรือลดราคา 10-150 บาท ยาปราบศัตรูพืช หรือแมลง ลดสูงสุด 26% หรือ 3-135 บาท และยากำจัดโรคพืช ลดสูงสุด 35% หรือ 5-150 บาท คาดจะช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท 

“เคมีเกษตรที่จะนำมาลดราคาครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักขาพืชไทย และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย ซึ่งสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ 3 กลุ่ม ครอบคลุมพืชทุกชนิด ทั้งข้าว ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ไม้ผล ทั้งทุเรียน มังคุด ฯลฯ โดยเกษตรกรที่สนใจ สามารถสั่งซื้อผ่านเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และสหกรณ์จังหวัด แต่ต้องแจ้งว่าจะไปรับสินค้าที่ร้านค้าใด โดยกรมจะรวบรวมปริมาณการสั่งซื้อส่งให้ 3 สมาคมราคาที่ขายตามโครงการ เช่น ไกลฟอร์เซต ขนาด 4 ลิตร เหลือเพียง  650 บาท จากปกติ 800 บาท เป็นต้น” 

นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้รับความร่วมมือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดวงเงินสินเชื่อช่วยเหลือเกษตรกร ผ่านโครงการบัตรเกษตรสุขใจ  ซึ่งให้วงเงินเกษตรกรรายละไม่เกิน 50,000 บาท เพื่อไปซื้อปัจจัยการผลิต และไม่คิดดอกเบี้ยในเดือนแรก รวมถึงการปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้สหกรณ์การเกษตร  เพื่อเสริมสภาพคล่อง   

นายวัฒนศักย์ กล่าวต่อว่า หลังจากสิ้นสุดช่วงสิ้นเดือน ก.พ.65 แล้ว กรมจะขอความร่วมมือผู้ประกอบการทั้ง 3 สมาคมให้ช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรต่อเนื่อง ซึ่งผู้ประกอบการ จะนำเคมีเกษตรรายการอื่นมาลดราคาอีก เพราะมีแนวโน้มว่า ราคาเคมีเกษตรจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากจีน ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ปรับลดปริมาณการผลิต เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม และยังจำกัดปริมาณการส่งออก ขณะที่ความต้องการใช้ทั่วโลกสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไทยเป็นประเทศนำเข้าเคมีเกษตร 100% จึงได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้นมา 35-40% ขณะเดียวกันจะมีการเร่งขึ้นทะเบียนทะเบียนผลิตภัณฑ์และเคมีเกษตรชนิดใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเพิ่มขึ้น