นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปีงบ 65 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้เพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบเชิงรุกกรณีคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อป้องกันไม่ให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หลังจากในช่วงโควิดระบาดได้รับรายงานว่า มีนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามากว้านซื้อกิจการจากผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิดจำนวนมาก จึงต้องหาทางป้องกันและดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างเข้มงวด 

ทั้งนี้ จะมีการกำกับดูแลและตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะนอมินีอย่างต่อเนื่อง โดยเน้น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ การถือครองอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการเกษตร (ล้ง) ซึ่งกรมฯ นอกจากมีการตรวจสอบการกระทำผิดกฎหมายแล้ว ยังมีการส่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องปรามมิให้คนไทยกระทำผิดหรือตกเป็นเครื่องมือของชาวต่างชาติด้วย 

สำหรับมาตรการที่จะนำมาใช้ในการตรวจสอบ เริ่มตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล โดยกำหนดให้ส่งเอกสารที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินของผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นคนไทยที่ลงทุนหรือถือหุ้นในนิติบุคคลร่วมกับคนต่างด้าว และภายหลังจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว จะจัดทำข้อมูลนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะที่คนต่างชาติถือหุ้น 49 ต่อ 51 หรือบริษัทที่มีกรรมการผู้มีอำนาจเป็นคนต่างด้าวทั้งหมด และกำหนดเป็นแผนงานโครงการประจำปีเพื่อดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกต่อไป ซึ่งบางกรณีอาจมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงด้วย 

“ขอเตือนคนไทย ที่คิดจะทำผิด หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด โดยยอมรับผลประโยชน์ หรือสมยอม หรือเป็นที่ปรึกษา เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนกฎหมายอย่างกระทำโดยเด็ดขาด เพราะนายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ ได้สั่งการให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด เพราะเรื่องนอมินี เป็นปัญหาระดับประเทศที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ และกระทบต่อการประกอบธุรกิจของคนไทย หากจับได้ มีโทษสูงจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน”  

นายธีระชาติกล่าวว่า ผลการดำเนินการปี 64 ได้ตรวจสอบนิติบุคคลไทยที่มีคนต่างด้าวร่วมถือหุ้นที่อาจมีลักษณะนอมินี ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว 2.ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ การถือครองอสังหาริมทรัพย์ และ 3.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร พบเข้าข่ายการกระทำผิด ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานีถึง 145 ราย ประกอบด้วย ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับท่องเที่ยว 45 ราย ธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 90 ราย ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ท 2 ราย และธุรกิจบริการอื่น 8 ราย โดยได้ประสานข้อมูลให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึก และหากเข้าข่ายการกระทำความผิดนอมินีก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 61-63 กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษนิติบุคคลที่กระทำความผิดในลักษณะนอมินี แล้ว 14 ราย ส่วนใหญ่เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับธุรกิจค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจนำเที่ยว