สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ว่ากระทรวงกลาโหมของสหรัฐออกแถลงการณ์ เมื่อวันจันทร์ เรื่องการเตรียมยกระดับคุณภาพของบุคลากรและสรรพาวุธ ควบคู่ไปกับการขยายอาณาเขตของพื้นที่สำหรับปฏิบัติการทางทหาร ในดินแดนกวม และออสเตรเลีย โดยมีการระบุอย่างตรงไปตรงมาด้วยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่จีนกำลังแผ่ขยายอิทธิพลทางทหารของตัวเองลงมาทางใต้


ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของรัฐบาลวอชิงตันยืนยันว่า รายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องจะไม่สามารถเปิดเผยได้ ด้วยเหตุผลด้านชั้นความลับและความมั่นคง อย่างไรก็ตาม เป็นการตอกย้ำว่า สหรัฐเพิ่มการให้ความสำคัญกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ในระดับที่มากขึ้นอย่างชัดเจน โดยนอกจากเพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านกลาโหมกับทุกประเทศร่วมภูมิภาคแล้ว ยังจะเป็นการฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางทหาร และด้านการต่างประเทศ ระหว่างสหรัฐกับพันธมิตรอีกหลายแห่งด้วย ไปจนถึงการขยายขอบเขตความร่วมมือ เพื่อต้านทาน “ความก้าวร้าว” จากรัสเซีย


ในเวลาเดียวกัน นายแดเนียล คริเทนบริงค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศด้านกิจการเอเชียตะวันออก อยู่ระหว่างเดินสายเยือน 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ระหว่างวันที่ 27 พ.ย. จนถึงวันที่ 4 ธ.ค.นี้ เพื่อเน้นย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลวอชิงตัน ที่ให้ความสำคัญและต้องการร่วมมือกับภูมิภาคแห่งนี้ ในการบริหารจัดการและฝ่าฟันความท้าทายนานัปการ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก


ขณะเดียวกัน สหรัฐต้องการเดินหน้าผลักดันจุดยืนของตัวเอง และการสนับสนุนที่มีต่อ “ความเป็นเสรีและการเปิดกว้าง” ของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน และสถานการณ์ในเมียนมา


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเรียกได้ว่า เป็นการต่อยอดจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้าร่วมการประชุมอาเซียน-สหรัฐ ครั้งที่ 9 ซึ่งเป็นหนึ่งในการประชุมย่อยในการหารือประจำปีของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ที่บรูไนเป็นเจ้าภาพ เมื่อปลายเดือนที่แล้ว.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES