น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ฉบับใหม่ โดยเป็นการแก้ไขกฎหมายฉบับเดิม เพื่อให้การบริหารงานของกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ (กบข.) มีความคล่องตัว และสอดคล้องกับสภาวะการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ

1.กำหนดให้กองทุน กบข. สามารถรับโอนเงินของผู้ที่เคยเป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนอื่นที่จัดขึ้นตามกฎหมายและมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีออกจากงานหรือชราภาพมายังกองทุน กบข. ได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาเข้ารับราชการสามารถเริ่มสะสมเงินกับ กบข. และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนอย่างต่อเนื่อง

2.แก้ไขเพิ่มเติมอัตราการส่งเงินสะสมของสมาชิก โดยให้ส่งได้ไม่เกิน 30% ของเงินเดือน (จากเดิมไม่เกิน 15% ของเงินเดือน)

3.แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารเงินของสมาชิกที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลง แบ่งเป็น 2 กรณี คือ (1)กรณีที่สมาชิกสิ้นสุดสมาชิกภาพและยังไม่ขอรับเงินที่ตนมีสิทธิได้รับคืนหรือขอทยอยรับเงินคืน สมาชิกมีสิทธิเลือกแผนการลงทุนที่ กบข. จัดให้ เพื่อให้ กบข. บริหารเงินนั้นต่อไปได้ (2) กรณีที่ กบข. บริหารเงินของสมาชิกต่อไป และต่อมาสมาชิกผู้นั้นเสียชีวิตและผู้มีสิทธิรับมรดกยังไม่ยื่นคำขอรับเงิน ให้ กบข. บริหารเงินนั้นต่อไปได้ตามแผนการลงทุนที่สมาชิกได้เลือกไว้ จนกว่าทายาทจะยื่นคำขอรับเงิน

4.แก้ไขเพิ่มเติมให้ กบข. จัดแผนการลงทุนที่หลากหลาย โดยให้สมาชิกมีสิทธิเลือกแผนการลงทุนได้ ซึ่งแต่ละแผนอาจลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงแตกต่างกันได้ ประกอบด้วยหลักทรัพย์ 4 ประเภท ได้แก่ 1)เงินฝากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือธนาคารรัฐวิสาหกิจ หรือบัตรเงินฝากที่ธนาคารรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ออก 2)พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตร ธปท. 3)ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน เงินต้นและดอกเบี้ย และ 4) ตราสารแสดงสิทธิในหนี้ที่รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณเป็นผู้ออก

“ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมให้สมาชิก กบข. สามารถนำเงินสะสมเข้ากองทุนได้มากขึ้น รวมทั้งเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถเลือกแผนการลงทุนสำหรับเงินของ กบข. ได้หลากหลาย ซึ่งจะเป็นการสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นให้กับสมาชิกและเพิ่มความสามารถในการพึ่งพาตนเองในยามเกษียณอายุราชการได้”