นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ทช. ได้พัฒนาระบบติดตามโครงการขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายในการติดตามประเมินความก้าวหน้าผลการก่อสร้าง สภาพการจราจร ประเมินความเสี่ยงของอุบัติเหตุ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดเก็บข้อมูลผ่านเครื่องมืออัตโนมัติที่ติดตั้งในพื้นที่ก่อสร้าง เช่น กล้องวงจรปิด CCTV อุปกรณ์ตรวจวัดสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศ เป็นต้น โดยข้อมูลต่าง ๆ จะถูกส่งไปยังระบบวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) แบบเรียลไทม์ ซึ่งผู้รับผิดชอบโครงการและเจ้าหน้าที่สามารถติดตามความก้าวหน้าของโครงการ ดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในบริเวณการก่อสร้างได้อย่างรวดเร็วผ่านทางคอมพิวเตอร์พกพาหรือสมาร์ทโฟน จากการเปรียบเทียบสภาพการจราจรและสภาพอากาศบริเวณโครงการทั้งก่อนดำเนินการ และระหว่างดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง

นายอภิรัฐ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ทช. ได้พิจารณาคัดเลือกโครงการนำร่องในปีงบประมาณ 64 จำนวน 3 โครงการ ซึ่งมีปริมาณการจราจรสูง ได้แก่ โครงการขยายถนนชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี, โครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย สป.4002 แยก ทล.3344-บ้านบางพลีใหญ่ อ.เมือง, บางพลี จ.สมุทรปราการ และ โครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย ปท.3004 แยก ทล.305-บ้านลำลูกกา อ.ธัญบุรี, ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขยายผลการติดตั้งอุปกรณ์ไปยังโครงการในปีงบประมาณ 65 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างถนนสายเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน-ศูนย์กลางการค้าส่งชายแดนบริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3-ถนนเชื่อมแผ่นดินหมายเลข 212 อ.อุเทน จ.นครพนม และโครงการก่อสร้างสะพานเหล็กข้ามคลองมหาสวัสดิ์ จ.นนทบุรี

นายอภิรัฐ กล่าวอีกว่า การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจาก ทช. มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่หลายโครงการที่ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง และมีแนวโน้มที่อาจส่งผลกระทบต่อการจราจรและพื้นที่โดยรอบ กระทรวงคมนาคมจึงได้มีนโยบายให้ ทช. บริหารจัดการจราจรในงานก่อสร้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงระหว่างดำเนินการก่อสร้าง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบด้านการจราจร สังคม สิ่งแวดล้อม มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยให้กับประชาชนผู้ใช้เส้นทางตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม