เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย อดีตกรรมการผู้ช่วยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ถอดรหัสวาทะพล.อ.ประยุทธ์ หลังกลับจากอุดรฯ พลเอกประยุทธ์ได้แถลงข่าวว่าขอเวลาทำหน้าที่จนกว่าจะครบเทอม คือในเดือนมีนาคม 2566 การแถลงดังกล่าวน่าจะเป็นผลเนื่องมาจากการเดินทางไปอุดรฯในครั้งนี้

เหตุผลที่ขออยู่จนครบเทอมนั้น อ้างว่าเป็นหน้าที่ต้องอยู่ทำหน้าที่ต่อไปแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ประกอบมาตรา 64 ได้ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี จะครบในเดือนสิงหาคม 2565 เท่านั้น

ครบเทอมของพลเอกประยุทธหมายถึงเวลาใด จะเป็นปัญหาที่เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองมากขึ้นโดยลำดับ และอาจให้เป็นเหตุให้ประธานสภาต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนครบกำหนด 8 ปีเพื่อให้มีความชัดเจนก็ได้ การจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของสมาชิกสภาผู้แทนฝ่ายรัฐบาล ทั้งใน พปชร., ปชป. และ ภท.

ซึ่งขณะนี้ก็ออกอาการไม่ปกติทำให้สภาล่มแล้วล่มอีก จนผู้ทำหน้าที่ประธานสภาต้องคอยประคับประคอง สั่งให้ปิดการประชุมเพื่อไม่ให้สภาล่ม ซึ่งคงอุ้มแบบนี้ไปได้ไม่กี่หนเพราะเสียงก่นด่าหนักขึ้นทุกวัน ภายใน พปชร. ขณะนี้ ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค ไม่มีกระทรวงครอง สู้พรรคเล็กพรรคน้อยไม่ได้ มีหรือที่จะไม่รู้สึกอัปยศ

ดังนั้นถ้าจะมีการปรองดองกัน ก็ให้ดูที่การคืนตำแหน่งให้ครองกระทรวงสำคัญสมฐานะพรรคแกนรัฐบาล และการเสนอกฎหมายสำคัญเข้าสภาหรือไม่ อย่าฟังที่พูดหรืออย่าดูที่เห็น และถ้าปรองดองกันได้ก็จะทำให้พรรคร่วมไม่กล้าข่มเหงยำเกรงอย่างที่เป็นอยู่ ก็จะมีเสถียรภาพ ไปจนถึงวาระครบเทอมที่กฎหมายที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ

การปกครองโดยการประกาศฉุกเฉินรวบอำนาจมาไว้ที่นายกตามกฎหมายฉุกเฉินนั้น ยังไม่มีวี่แววว่าจะยกเลิกและอาจดำรงภาวะเช่นนี้ต่อไปตราบที่พลเอกประยุทธ์ยังเป็นนายกรัฐมนตรี

สภาพเช่นนี้รัฐมนตรีทั้งหลายจะยินดีปรีดาหรือว่าจะบอกศาลากัน เงียบๆ รอจังหวะต่างคนต่างไป ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไขจัดการ ในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า ประเทศไทยก็จะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ดังนั้นการทำให้การเมืองนิ่ง ประชาชนพร้อมเพรียงใจกันสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจึงมีความจำเป็น มิฉะนั้นผู้นำประเทศต่างๆ ใครเขาจะมาร่วม ซึ่งอาจจะเกิดเหตุการณ์อับอายขายหน้าชาวโลกได้

ดังนั้น จึงต้องสร้างเสถียรภาพและความเป็นเอกภาพให้เร็วที่สุดการเมืองนั้นทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีใครเชื่อถือคำพูดหรือการแสดง แต่เชื่อที่การกระทำ ถ้าการกระทำไม่เป็นเหตุแห่งความเป็นเอกภาพ ถึงจะพูดและแสดงอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะก่อให้เกิดความเชื่อถือได้

และนี่ก็เป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตการเมืองของประเทศ ปราชญ์ท่านจึงสอนว่า ทำการใหญ่ต้องใจกว้าง ต้องเป็นผู้ให้ยิ่งกว่าเป็นผู้รับ เป็นผู้แบ่งยิ่งกว่าเป็นผู้รวบ ดังนี้บ้านเมืองก็จะก้าวเดินไปได้