นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าวและยางพาราว่า ในส่วนของข้าวจ่ายไป 3 งวดแล้ว คืองวดที่ 1, 2 และ 3 บางส่วน ส่วนงวด 3 ที่เหลือ และงวดที่ 4-7 รวมกัน 5 งวด จะเริ่มจ่ายได้วันที่ 9 ธ.ค.นี้ วงเงิน 60,000 กว่าล้านบาท ส่วนงวดที่ 8 จะจ่ายอีก 3,720 ล้านบาท ที่เหลืองวดที่ 9-33 จะจ่ายทั้งสิ้น 3,193 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 87,000 ล้านบาท ส่วนยางพารานั้น ตนได้เร่งรัดว่าควรจ่ายเงินส่วนต่างพร้อมกัน โดยขอให้ ธ.ก.ส.จ่ายวันเดียวกันกับข้าวคือ 9 ธ.ค.นี้ ทั้งงวดที่ 1 และ 2 ซึ่งตกข้างมาตั้งแต่เดือน ต.ค.-พ.ย.64 ส่วนงวดที่เหลือจะทยอยจ่ายตามรอบต่อไป

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.64 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 64/65 รอบที่ 1 งวดที่ 8 สำหรับเกษตรกรผู้ขึ้นทะเบียนและแจ้งวันเก็บเกี่ยววันที่ 26 พ.ย.-2 ธ.ค.64 จำนวน 5 ชนิด ดังนี้

ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคา 11,128.41 บาทต่อตัน ได้ชดเชยตันละ 3,871.59 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคา 10,865.42 บาทต่อตัน ได้ชดเชยตันละ 3,134.58 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคา 9,808.99 บาทต่อตัน ได้ชดเชยตันละ 1,191.01 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ราคา 8,045.44 บาทต่อตัน ได้ชดเชยตันละ 1,954.56 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ราคา 8,384.02 บาทต่อตัน ได้ชดเชยตันละ 3,615.98 บาท

“ชาวนาได้เงินส่วนต่างสูงสุดคือข้าวเปลือกหอมมะลิ 54,202 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 50,153 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 29,775 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 58,636 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 57,855 บาท ซึ่ง ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรภายใน 3 วันทำการ”