เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่กระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และนายตีแยรี มาตู (H.E. Mr. Thierry Mathou) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธีลงนามปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่าง รมว.คมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทยในนามของ รมช.การเปลี่ยนผ่านทางนิเวศวิทยา กำกับดูแลการคมนาคมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ประเทศไทย และฝรั่งเศส มีความร่วมมือกันมาอย่างยาวนาน โดยเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.56 ประเทศไทย และฝรั่งเศสได้ร่วมลงนามอนุสัญญาว่าด้วยความร่วมมือระบบรางระหว่างไทยและฝรั่งเศส เพื่อร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกัน โดยการแลกเปลี่ยนนโยบายและประสบการณ์ด้านการขนส่งทางราง เมื่ออนุสัญญาว่าด้วยความร่วมมือระบบรางระหว่างไทยกับฝรั่งเศสหมดอายุลง เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.59 ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นชอบให้จัดทำอนุสัญญาว่าด้วยความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งฉบับใหม่ คือ ปฏิญญาแสดงเจตจำนงฯ ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาความร่วมมือด้านการขนส่งให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งระบบราง บก น้ำ และอากาศ

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า รวมทั้งยังมุ่งหวังที่จะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน เกี่ยวกับการพัฒนาการขนส่งอย่างยั่งยืน อาทิ การขนส่งทางราง การขนส่งมวลชนในเมือง การขนส่งด้วยเทคโนโลยีสะอาด การขนส่งหลายรูปแบบและโลจิสติกส์ การขนส่งทางทะเล ทางหลวง และความปลอดภัยทางถนน รวมถึงมุ่งมั่นกระชับการแลกเปลี่ยนระหว่างสถาบันและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่มีต่อนโยบายการขนส่ง การบูรณาการการพัฒนาระบบขนส่งและโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การดำเนินการความร่วมมือดังกล่าวสอดคล้องกับภารกิจหลักของกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการให้บริการด้านการขนส่งที่มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินงาน คือ “พัฒนาระบบขนส่งอย่างบูรณาการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน” รวมถึงดำเนินโครงการต่างๆ ครอบคลุมทุกรูปแบบของการขนส่ง ส่งเสริมความเชื่อมโยงภายในประเทศและระหว่างภูมิภาค เพื่อขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้การลงนามในปฏิญญาแสดงเจตจำนงฯ ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้น และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมถึงจะช่วยสนับสนุน และส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนของทั้งสองฝ่ายในสาขาคมนาคมขนส่งอย่างครอบคลุม และยั่งยืนต่อไป.