จากเหตุการณ์ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 ธ.ค. ที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ประมาณ 100 นาย สลายการชุมนุมบุกจับชาวบ้านในนาม “จะนะรักษ์ถิ่น” จำนวน 37 คน ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ส่อจะบานปลาย เพราะเป็นการชุมนุมโดยสันติวิธี เพื่อมาทวงถามสัญญาจากรัฐบาลในการหยุดกระบวนการทุกขั้นตอนของ “โครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” หลังจากที่เรียกร้องมานานครบ 1 ปี โดยครั้งนี้มาทวงถามความคืบหน้าและสัญญาที่รัฐบาลให้ไว้

จากการที่ คฝ.จับกุมผู้ชุมนุมจำนวน 37 คน กลายเป็นข้อถกเถียงว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ เนื่องจากการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นการชุมนุมโดยสงบ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม เพราะเข้าข่ายฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ขณะที่ภาคีเครือข่ายม็อบจะนะรักษ์ถิ่น ออกแถลงการณ์ประณามและประกาศระดมพลจากพื้นที่ภาคใต้เข้ามาเสริมในพื้นที่กรุงเทพฯ ทันที แทคทีมร่วมกับทีมใน กทม.พร้อมปรับแผนปักหลักสู้หน้ายูเอ็น รอยื่น 3 ข้อ 1.เราไม่ต้องการสร้างเงื่อนไข เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เป็นข้ออ้าง จับกุมและคุมขังพวกเราอีก 2.เราต้องการใช้พื้นที่หน้ายูเอ็น สื่อสารให้สังคม ทั้งภายในและภายนอกประเทศรับรู้ปัญหา 3.เพื่อเฝ้ารอแนวร่วมภาคใต้และภูมิภาคอื่นมาสมทบ  หากรัฐบาลไม่ตอบรับข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ก็นัดบุกทำเนียบรัฐบาล 13 ธ.ค.นี้

และที่สำคัญตรงนี้ทำให้เกิดสัญญาณความขัดแย้งรอบใหม่ หลังรอยร้าว “กบฏธรรมนัส” ยังไม่ทันจางหาย เพราะเกิดการโต้ตอบกันระหว่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่สวนหมัดกลับโต้ตอบทันทีเช่นกัน

โดย “บิ๊กตู่” โบ้ยเอ็มโอยูกับกลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่เข้า ครม. พร้อมกับส่ง “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาลเจรจาทำความเข้าใจอีกครั้ง ขณะที่ “ผู้กองธรรมนัส” ยืนยันว่า เอ็มโอยู 3 ข้อที่ทำไว้กับชาวบ้านผ่าน ครม.แล้ว  

และตรงนี้คนที่เสียหายก็คงหนีไม่พ้น “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรี เพราะ เอ็มโอยู เข้า ครม. ไปแล้ว!!

นอกจากนี้ในแง่ของความรู้สึกของชาวบ้านก็เสียความรู้สึกไปแล้ว เพราะมาแค่มือเปล่า และเป็นการมาเรียกร้องชุมนุมแบบสงบ แต่กลับใช้กำลังไปสลายการชุมนุม

ทำให้บรรดานักการเมือง ส.ส.ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล รวมถึงเอ็นจีโอสบโอกาสแทคทีม ออกมาขย่มประณามความรุนแรงต่อการกระทำของรัฐบาลโดยทันที ซึ่งตรงนี้นอกจากภาพลักษณ์รัฐบาลเสียหาย โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” ในฐานะนายกรัฐมนตรีแล้วก็ยังสะเทือนถึง ฐานเสียงทางการเมืองของบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ในพื้นที่ด้ามขวานภาคใต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ทุกพรรคการเมืองทั้ง “พลังประชารัฐ–ประชาธิปัตย์–ภูมิใจไทย” เล็งขยายต่อยอดจำนวน ส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ซึ่งจะสะท้อนเรตติ้งรัฐบาลจากการเลือกตั้งซ่อมซ่อม ส.ส. เขตพื้นที่ จ.สงขลา และชุมพร แทนนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา และนายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นสภาพการเป็น ส.ส.ช่วงปลายเดือน ม.ค.นี้

และจากเหตุการณ์ปมร้อนๆ กรณี ‘ม็อบจะนะ’ ผลสะเทือนที่ตามมาจะหนักกว่าที่คิด เพราะเล่นกับความรู้สึกของประชาชน!!