ก่อนหน้านี้หนุ่ม ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ท่ามกลางความห่วงใยของแฟนๆ และอยากรู้ว่าหนุ่มป๊อกเป็นอะไรกันแน่ ล่าสุดหนุ่มป๊อกและภรรยาสาว มาร์กี้ ราศรี ได้ออกมาอัพเดทเรื่องนี้ผ่านยูทูบส่วนตัวเล่านาทีชีวิตที่พบว่าตนเองเจอเนื้องอกในสมอง งานนี้แฟนๆ คลับที่ได้ยินเรื่องราวพากันให้กำลังใจอย่างมากมายทันที

ป๊อก เผยว่า “ผมไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับเราเร็วขนาดนี้คือผมถูกสั่งให้ผ่าตัดสมองด่วน วันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ปีนี้ผมเพิ่งอายุ 35 ปีไป สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผมมีอาการปวดหัว พยายามหาคำตอบกับสิ่งๆ นี้มาเป็นเวลา 1 เดือนได้ ซึ่งก็ไปหาหมอหลายที่ หาคำตอบไม่ได้ หูอื้อพร้อมกันสองข้าง ไม่ได้เป็นตลอดเวลา ก็คิดว่าเราจะเป็นน้ำในหูไม่เท่ากันหรือเปล่า ทำงานหนักไปไหม ผมก็ได้ยินในสิ่งเหล่านี้มา ผมก็ไปหาหมอหูตาคอจมูก หมอก็บอกว่าทุกอย่างโอเคหมด อาการมันหนักขึ้นเรื่อยๆ เป็นทุกๆ 3-4 วัน แต่มาเป็นทุกวันแล้ว จากนั้นก็เป็นพร้อมกับปวดท้ายทอย ที่พีคสุดคือมีคนบีบขมับสองข้างเข้าหากัน ปวดทุกอย่างพร้อมกัน เป็นวันละ 4-5 รอบ หนักที่สุดเลยคือผมต้องหลับตาและค่อยๆ หายใจ รู้สึกผมล้มได้เลยจับมาร์กี้ วิกฤติเลยดีกว่า ไม่เคยคิดมีวินาทีนี้ เลยถามพ่อว่ามีหมอสมองหรือประสาทแนะนำไหม”

“ก็เล่าอาการให้หมอฟัง และบอกว่าอาการน่าจะไม่ค่อยดี ผมก็ไปทำ MRI ปกติ ไม่ได้มีอะไรที่วิตก เพราะผมคิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่พี่ฟองเบียร์บอกผมมา พอฟังเสียงหมอไม่ดี เลยให้มาตรวจอีกที ใจผมไม่ดีแล้วก็กลับไปก็ตกใจมากเพราะเราเจอก้อนเนื้องอกในสมอง อย่างที่บอกผมไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นเรื่องนี้ ผมคิดว่าเต็มที่อาจจะเป็นแค่เส้นเลือดมากกว่า ที่ผมตกใจกว่านั้นคือหมอบอกถ้าเป็นหมอจะไม่รออะไรแลว ถ้าทำได้วันนี้ทำวันนี้ เป็นการผ่าแบบเปิดกะโหลก ไม่ใช่น้อยๆ 3.4 เซน 4 เซนประมาณนี้ หมอบอกไซซ์น่าจะเท่าลูกปิงปอง ผมมีประสบการณ์ไม่ค่อยดี ผมมีคนในครอบครัวที่เคยผ่าตัดหัวหรือสมอง แล้วไม่ได้ฟื้นกลับ กลัวมากผมแอบคิดว่าผมโชคดีไม่ดีล่ะ ถ้าผมไม่ฟื้นกลับมาจะทำยังไง ผมไม่ได้เตรียมตัวตรงนี้เลย”

ป๊อก เล่าต่อว่า “สิ่งๆ หนึ่งที่ลอยขึ้นมาทันทีทันใดคือหน้าลูกและครอบครัวของผม วันนั้นพอพูดปุ๊บ ผมบอกหมอว่าผมไม่รู้จะพูดอะไร น้ำตาไหลเอง ผมอยากมีเวลากับเขาให้ได้มากกว่านี้ ถ้าผมดวงไม่ดี หรือไม่ฟื้นกลับมาเขาจะทำยังไง มันเป็นเหมือนสิ่งที่มาบอกผมว่าผมต้องเปลี่ยนชีวิตการใช้ชีวิตของผมแล้ว ก็เลยมาคิดว่า ณ ตอนนั้นก็คืออยากมีโอกาสอีกสักครั้งให้ผมมีชีวิตอยู่กับครอบครัวของผม ผมรู้แล้วว่า สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมด มันไม่มีอะไรมีค่าเลย ทำงาน 4-5 งาน ทำไมก็ไม่รู้ สิ่งเดียวที่ผมขอก่อนทำการผ่าตัดคือการไหว้พระ ที่บ้านที่โรงพยาบาล ก็ขอแค่อย่างเดียวเลย ถ้าผมมีโอกาสอีกสักหนึ่งครั้ง ผมรู้แล้วว่าผมต้องให้ค่ากับอะไร ผมจะมีชีวิตให้ได้อยู่กับครบครัวผมให้ได้มากที่สุด ผมไม่ได้มองถึงสิ่งอื่นแล้ว”

“อย่างที่บอกผมเป็นการผ่าตัดสมองที่ค่อนข้างใหญ่ ผมยังไม่ออกมานะครับ กลายเป็นไซซ์จริงๆ ไม่ใช่ลูกปิงปอง แต่เป็นลูกเทนนิส ผมออกจากห้องผ่าตัดเมาๆ เบลอๆ สิ่งที่ได้ยินมา มาถามว่าหมอต้องการเซตแฟมิลี่มีตติ้งด่วน มันไม่ได้ดีนักหรอก เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ซีเรียส อยากให้บอกญาติก่อนจะมาบอกผมกับมาร์กี้ จากนั้นก็มายกเลิกแฟมิลี่มีตติ้ง ผมก็งง แต่คิดในดี คือไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยยกเลิกไปก่อนต่อมาคุณหมอที่ผ่าผม หมอก็เล่าให้ฟังแบบผลออกแล้ว หมอก็บอกว่าไม่รู้ป๊อกโชคดีแบบนี้ได้ยังไง แต่ตอนนี้หวยไม่ต้องไปซื้อแล้วนะ เพราะจากการผ่าตัดทั้งหมด หวยมาออกที่นี่ให้หมดแล้ว ทุกอย่างที่คิดว่าป๊อกจะเป็น หรือหมอสันนิษฐานว่าผมจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่เกิน 2 ปี”

“ที่อยากแชร์เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์นี้จะมาเกิดขึ้นกับตัวผม ผมก็คิดว่าอย่างน้อยถ้าผมเอามาเล่าให้ทุกๆ คนได้ฟัง อาจจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่านได้บ้าง เพราะทุกคนอาจจะไม่ได้ใหความสำคัญกับชีวิตตนเอง จนได้มาเจอว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต อีกเรื่องคือไม่ว่าคุณจะเป็นอะไรก็ตามควรไปตรวจเถอะครับ”

มาร์กี้ เผยว่า “ก่อนหน้านี้เจอพี่เบียร์ ฟองเบียร์เลยให้ไปดูเรื่องเส้นเลือดในสมอง เพราะบางคนอาจจะมีภาวะเส้นเลือดในสมองตีบก็เป็นได้ ก็เลยแนะนำให้ไปหา เรื่องเนื้อหมอบอกมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหลายอย่าง หมอบอกตอนผ่าตัดสมองเลือดออกด้วยเลยทำให้ปวดหัวมากเป็นพิเศษ สายตาหมอทุกคนเลย สีหน้าเศร้า หลังจากหมอบอกเขาก็บอกว่าโชคดีมากผลออกมาแล้วเนื้อไม่ใช่เนื้อร้าย แล้วเราก็ถามว่าที่หมอเครียดเพราะจากที่ดู MRI และดูสมองและชิ้นเนื้อเพราะมันเป็นอาการของคนที่เป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้ายเขาเซตไว้ไม่เกิน 2 ปีนะสำหรับคนไข้ที่เป็นแบบนี้ เขาก็เครียด ไม่มีทางรักษา ไม่รู้จะพูดกับคุณปู่ยังไง พอผลออกมาไม่ได้เป็น เขาก็แปลกใจว่าไม่ได้เป็นได้ยังไง ทุกอย่างไปในทิศทางนั้นแล้ว และที่เป็นเนื้องอกที่มักพบในเด็ก อายุไม่เกิน 10 ขวบ ในไทยพบน้อยมาก ในเมืองนอกมีแต่ในไทยแทบจะไม่มีเลย แปลกใจแต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะเกิดขึ้น เอาออกไปแล้วไม่ต้องรักษาต่อ ไม่ต้องคีโม ไม่ต้องกินยา สามารถรักษาตัวเองได้”

ขอขอบคุณยูทูบ ป๊อกกี้ on the run