เมื่อ 25 ปีก่อน มีผู้พบศพสาวเสิร์ฟในบริเวณชั้นใต้ดินของร้านอาหารในแถบซานฟรานซิสโก เบย์ ซึ่งกลายเป็นคดีปริศนาที่หาตัวฆาตกรไม่ได้ จนกระทั่งได้เทคโนโลยีเปรียบเทียบดีเอ็นเอมาช่วยในภายหลัง

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สำนักงานนายอำเภอเมืองคอนทรา คอสตา แถลงว่าได้ยื่นฟ้องนักโทษในเรือนจำชื่อแดนนี ลามอนต์ แฮมิลตัน ในข้อหาฆาตกรรมพริสซิลลา ลูอิส ขณะพยายามข่มขืนเธอและเข้าปล้นร้านอาหารในเมืองคร็อกเก็ต เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2539 

คดีนี้เป็นคดีที่ปิดไม่ลงมากว่าสองทศวรรษ หลังจากเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนได้สัมภาษณ์คนหลายสิบคน เก็บหลักฐานเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนมาวิเคราะห์และออกหมายค้นหลายฉบับ ทว่า ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ ณ เวลานั้น

กระทั่งเมื่อปีที่แล้ว มีเจ้าหน้าที่สืบสวนได้ลงข้อมูลหลักฐานของคดีในฐานข้อมูลดีเอ็นเอของห้องแล็บอาชญากรรม ซึ่งปรากฏว่าสามารถจับคู่ตัวอย่างดีเอ็นเอในฐานข้อมูลได้ โดยมีชื่อของแฮมิลตันเป็นเจ้าของดีเอ็นเอในฐานข้อมูลที่ตรงกับดีเอ็นเอจากหลักฐานในคดีฆาตกรรมสาวเสิร์ฟ

แดนนี ลามอนต์ แฮมิลตัน คนร้ายในคดีฆาตกรรมสาวเสิร์ฟที่ปิดไม่ลงมากว่าสองทศวรรษ (แฟ้มภาพจากสำนักงานนายอำเภอเมืองคอนทรา คอสตา)

แฮมิลตันกำลังรับโทษจำคุกตลอดชีวิตในเรือนจำรัฐใกล้ซานดิเอโก หลังจากถูกตัดสินว่าผิดจริงในคดีล่วงละเมิดทางเพศคดีอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีของลูอิส 

ทรอย คินสโลว์ ลูกพี่ลูกน้องของลูอิสซึ่งเติบโตมาด้วยกันกล่าวว่า การตายของเธอหลอกหลอนเขามานานหลายปี เขาเห็นเธอเป็นครั้งสุดท้ายในคืนเกิดเหตุ ระหว่างที่เธอกำลังอยู่ในช่วงพักจากการทำงาน ส่วนเขากำลังดื่มสังสรรค์อยู่ในบาร์ตรงข้ามกับร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่ และในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง เขาก็ได้ข่าวว่าเธอถูกฆาตกรรม คินสโลว์เฝ้าตามตื๊อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรื้อฟื้นคดีของลูอิสมาเป็นเวลาหลายสิบปี

“มันเป็นกระบวนการที่ยาวนานและเป็นความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ แต่ผมไม่เคยยอมแพ้” เขากล่าวเสริม

เครดิตภาพ : AP,  Pixabay/Arek Socha