สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในรัฐเคนทักกี ที่อยู่ทางตอนกลางของประเทศ แล้วให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และสำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินส่วนกลาง ( ฟีมา ) เป็นหน่วยงานหลักในการส่งมอบความช่วยเหลือจากส่วนกลาง เข้าสู่พื้นที่ประสบภัยธรรมชาติ ที่เป็นผลจากเฮอริเคน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ และคร่าชีวิตประชาชนในรัฐเคนทักกีมากกว่า 70 ราย


ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐยืนยันการเตรียมลงพื้นที่รัฐเคนทักกี เพื่อสำรวจความเสียหาย และให้กำลังใจประชาชน อย่างไรก็ดี ไบเดนมองว่า การลงพื้นที่ของเขาต้องเกิดขึ้น ในเวลาที่จะไม่เป็นการสร้างภาระให้กับผู้ที่ปฏิบัติงานภาคสนาม

ภาพถ่ายมุมสูงจากโดรน เผยให้เห็นความเสียหายของเมืองเมย์ฟิลด์ ในรัฐเคนทักกี ซึ่งเป็นผลจากทอร์นาโด


นอกจากนี้ ไบเดนกล่าวถึงสถานการณ์ในอีกหลายรัฐใกล้เคียงกับรัฐเคนทักกี ซึ่งได้รับความเสียหายจากทอร์นาโดเช่นกัน ยืนยันว่า รัฐบาลกลางไม่ทอดทิ้ง โดยมีการประสานงานกับผู้ว่าการรัฐทุกรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อมอบความช่วยเหลืออย่างเต็มที่


อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐกล่าวถึงการเกิดทอร์นาโดหลายลูก ในภูมิภาคมิดเวสต์ครั้งนี้ด้วยว่า ยิ่งตอกย้ำความแปรปรวนของภาวะโลกร้อน เนื่องจากโดยปกติแล้ว พายุหมุนลักษณะนี้จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ไม่ใช่ช่วงกลางฤดูหนาวแบบนี้

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสำรวจความเสียหายของบ้านเรือน และค้นหาผู้สูญหายจากทอร์นาโด ที่ชุมชนแห่งหนึ่ง ในเขตเซนต์ชาร์ลส รัฐมิสซูรี


ทั้งนี้ ทางการรัฐเคนทักกีประเมินจำนวนผู้เสียชีวิตจากทอร์นาโดครั้งนี้ “อาจมากถึง 100 ราย” ส่วนสถานการณ์ในรัฐใกล้เคียงนั้น รัฐอาร์คันซอรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย รัฐมิสซูรีพบอย่างน้อย 2 ราย รัฐเทนเนสซียืนยันผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และอีกอย่างน้อย 6 ราย ที่รัฐอิลลินอยส์ จากเหตุโกดังสินค้าของบริษัทแอมะซอนพังถล่มลงมา


สำหรับการเกิดทอร์นาโดครั้งนี้เรียกได้ว่า รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ต่อจากการเกิดทอร์นาโดประมาณ 10 ลูก เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2468 ครอบคลุมภูมิภาคมิดเวสต์และพื้นที่บางส่วนทางตอนใต้ของประเทศ กินเวลานานประมาณ 7 ชั่วโมง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 700 ราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 2,000 คน อีกทั้งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 67,220 ล้านบาท ).

เครดิตภาพ : AP