สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ว่า จากกรณีสหรัฐบังคับใช้มาตรการฝ่ายเดียว ปิดล้อมด้านอาวุธต่อกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลหลายประการ รวมถึงว่า รัฐบาลพนมเปญไม่สามารถตอบสนองต่อ “ความวิตกกังวล” ของรัฐบาลวอชิงตัน กรณีให้จีนเข้ามาในฐานทัพเรือเรียม ฐานทัพขนาดใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับอ่าวไทย สหรัฐจึงมองว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ด้านความมั่นคง และการดำเนินนโยบายต่างประเทศ” นั้น


นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เป็นเรื่องปกติที่สหรัฐต้องการแสดงอำนาจเหนือกว่า” ในกรณีนี้คือการพยายามสร้างความเสื่อมเสีย และทำลายความร่วมมือระหว่างจีนกับกัมพูชา ซึ่งดำเนินอย่างปกติมาโดยตลอด ขณะเดียวกัน การดำเนินการของรัฐบาลวอชิงตันยังไม่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ ของการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย


ทั้งนี้ นายหวังทิ้งท้ายว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับจีน เป็นเรื่องที่สหรัฐ “ประเมินค่าต่ำเกินไป” และขอเตือนว่า ความพยายามของรัฐบาลวอชิงตันจะไม่มีทางประสบความสำเร็จ


ขณะที่ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงท่าทีเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า รัฐบาลพนมเปญเตรียมทำหน้าที่ประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) อย่างเป็นทางการ ในปี 2565 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่มีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องการจัดประชุมสุดยอดสหรัฐ-อาเซียน ที่กรุงวอชิงตัน


อย่างไรก็ตาม ผู้นำกัมพูชากล่าวว่า หากรัฐบาลวอชิงตันยังคงใช้มาตรการ “ที่ไม่มีเหตุผล” ต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับกัมพูชา เขาจะไม่เดินทางไปร่วมการประชุมนี้ ซึ่งโดยธรรมเนียมทางการทูตแล้ว เมื่อไม่มีประเทศซึ่งทำหน้าที่ประธานหมุนเวียนของอาเซียนเข้าร่วม การประชุม “เป็นอันล่มโดยปริยาย”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES