เริ่มต้นตีปี๊บสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่างคึกคัก มีทั้งผู้สมัครแบบอิสระและแบบสังกัดพรรค โดยบรรดาพรรคการเมืองต่างทยอยพาเหรดเปิดตัวผู้สมัครกันแล้ว ที่ชัดเจนคือ พรรคประชาธิปัตย์ที่เปิดตัว “พี่เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ขณะที่ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีต รมว.คมนาคม มีเพื่อไทยเป็นกองหนุน ส่วนพลังประชารัฐแง้มชื่อ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” “ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” ผู้ว่าฯ ปทุมธานี เข้าชิง
ความสำคัญของสนาม กทม. นอกจากจะเป็นการหาตัวบุคคลที่จะมาแก้สารพัดปัญหาของเมืองกรุงแล้ว ยังเป็นตัวชี้วัดความนิยมทางการเมืองของพรรคการเมืองต่าง ๆ แม้บางคนจะลงในนามอิสระแต่ก็เชื่อมโยงได้ว่าพรรคใดหนุนอยู่ข้างหลัง จึงเป็นหนทางนำร่องว่าใครจะชิงพื้นที่ครองจำนวน ส.ส.เมืองกรุงในสนามเลือกตั้งใหญ่ได้
งานนี้พรรคประชาธิปัตย์จึงเทหมดหน้าตัก หลังเจอแลนสไลด์อดีตพรรคอนาคตใหม่ ทำ ส.ส. กทม.ของพรรคสูญพันธุ์ เร่งโชว์ตัว “พี่เอ้” ที่มีดีกรีเป็นอดีตอธิการบดีฯ และนายกวิศวกรรมสถานฯ อายุน้อยเพียง 49 ปี มีภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาได้
แต่ก็ต้องมาชนกับเสือถิ่นเก่าอย่าง “ชัชชาติ” ที่จองพื้นที่ไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ ในสไตล์ที่ภาพจำ “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ใส่เสื้อแขนกุด หิ้วถุงแกง เท้าเปล่า กับโหนรถเมล์มาทำงาน
ขณะที่เดียวกันยังมี “ผู้ว่าฯ อัศวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน ที่ตั้งโดย คสช. ดูแลพื้นที่ กทม. มานาน ย่อมวางรากฐานได้พอสมควร แต่ “ผู้ว่าฯ อัศวิน” ก็ยังลูกผีลูกคน ว่าจะลงสมัครแบบอิสระหรือสังกัดพรรคพลังประชารัฐที่มีแคนดิเดตคนใหม่มาแรงคือ “ผู้ว่าฯ หมูป่า”
อย่างไรก็ตามแต่ละคนก็ล้วนแต่มีจุดเด่นของตัวเอง ทั้งหมดมันก็อยู่ในนโยบายว่าจะโดนใจคน กทม.แค่ไหน แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีการทำโพลและมีชื่อ “ชัชชาติ” ยืนหนึ่งมาตลอดแต่สนามรบยังไม่เปิด จึงยังฟันธงไม่ได้ว่าใครกันแน่จะเข้าวิน
ที่สำคัญต้องจับตาดูแคนดิเดตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคก้าวไกลที่จะเปิดตัวหลังปีใหม่ 2565 นี้ ว่าจะเป็นม้ามืดแซงเข้าวินหรือไม่ โดยที่ผ่านมามีชื่อ “ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ” พี่สาว ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ตามด้วย “ศิริกัญญา ตันสกุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่จะทิ้งเก้าอี้ ส.ส. ปล่อยออกมา แต่ทางแกนนำพรรคปฏิเสธว่าไม่ใช่
ในขณะที่ฐานเสียงของก้าวไกลกับเพื่อไทยเป็นฐานเดียวกัน ดังนั้นในเมื่อสงครามยังไม่จบอย่างเพิ่งนับศพทหาร.
