สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบหารือกันผ่านระบบทางไกลอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยผู้นำรัสเซียกล่าวกับผู้นำจีนอย่างตรงไปตรงมา ว่ารัฐบาลมอสโกกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากสหรัฐและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งเคลื่อนย้ายโครงสร้างทางทหารมาตั้งประชิดแนวรบด้านตะวันออก ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประโยชน์ของรัสเซีย
ขณะที่สำนักข่าวซินหัวรายงานเนื้อหาช่วงหนึ่งของการสนทนา ว่า “กองกำลังบางกลุ่มซึ่งอยู่ภายใต้หน้ากากของประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน” กำลังพยายามแทรกแซงกิจการภายในของทั้งรัสเซียและจีน ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มคนเหล่านี้ “บดขยี้” บรรทัดฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และแนวทางปฏิบัติร่วมกันระหว่างประชาคมโลก ด้วยเหตุนี้ รัสเซียและจีนจึงควรยกระดับความร่วมมือในมิติที่เกี่ยวข้อง “ให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้” เพื่อการปกป้องผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศอย่างสอดประสาน
ด้านนายยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของปูติน ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าสีกล่าวกับผู้นำรัสเซีย ว่ารัฐบาลปักกิ่งมีความเข้าใจเป็นอย่างดี ต่อความวิตกกังวลด้านความมั่นคงของรัสเซีย และเสนอมอบความสนับสนุนให้แก่รัฐบาลมอสโก ในการได้รับ “หลักประกันอย่างเป็นทางการและมีผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ” จากตะวันตก
นอกจากนี้ อูชาคอฟกล่าวด้วยว่า ผู้นำจีน “ให้ความเห็นเชิงลบ” ต่อการที่สหรัฐ สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ร่วมกันเป็นพันธมิตรไตรภาคีในนาม “ออคัส” และจตุภาคี “ควอด” ที่เป็นความร่วมมือระหว่างสหรัฐ อินเดีย ญี่ปุ่น กับออสเตรเลีย
ในส่วนของของประเด็นหารือเรื่องอื่นนั้น เมื่อไม่นานมานี้ รัสเซียและจีนเห็นชอบร่วมกันในหลักการ ขยายระยะเวลาของสนธิสัญญามิตรภาพ ที่ใช้ร่วมกันมานาน 20 ปีแล้ว และการที่จีนจะเป็นศูนย์การผลิตระหว่างประเทศให้กับวัคซีนโควิด-19 “สปุตนิก วี” และ “สปุตนิก ไลท์”
ปัจจุบัน มูลค่าการค้าระหว่างจีนกับรัสเซียตลอด 11 เดือนของปีนี้ อยู่ที่ 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.11 ล้านล้านบาท) และทั้งสองประเทศกำหนดเป้าหมายร่วมกันให้ถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.68 ล้านล้านบาท) ภายในอีกไม่นานนี้.
เครดิตภาพ : AP