นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) โครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 ช่วง N2 (เกษตร-นวมินทร์) เชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันออก (ทางด่วนเกษตร-นวมินทร์-วงแหวนตะวันออก) ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) แล้ว คาดว่าจะสามารถเสนอโครงการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และเริ่มเปิดประกวดราคาได้ในปี 65 ทั้งนี้จะใช้เงินจากกองทุนรวมไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) ในการลงทุนก่อสร้าง ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีหาก ครม.เห็นชอบ

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้าง ช่วงทดแทน N1 (แคราย-ม.เกษตร) ได้มอบให้ปลัดกระทรวงคมนาคม และ กทพ. เจรจากับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) อีกครั้ง โดยเฉพาะประโยชน์ รวมถึงข้อดีข้อเสีย และสิ่งที่ มก. กังวลเรื่องเสียง และฝุ่น ซึ่งกระทรวงคมนาคมต้องนำเสนอให้ชัดเจนว่า จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร หากอธิบายแล้ว มก. เห็นด้วย ก็เดินหน้าโครงการได้เต็มที่ แต่หากไม่เห็นด้วยก็ต้องทำเท่าที่ดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามข้อจำกัดของเรื่องนี้คือ ปัจจุบันภาระอัตราดอกเบี้ยเงิน TFF เดินตลอด ยังไม่ได้นำมาใช้ดำเนินโครงการเลย ซึ่งในแง่ของการบริหารงานถือว่าไม่โอเค

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ต้องมีการปรับแบบในส่วนของ N1 นั้น ก่อนหน้านี้มีหลายทางเลือก ซึ่งการสร้างเป็นอุโมงค์ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่คิดไว้ แต่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มถึง 2 หมื่นล้านบาท ต้องนำเรื่องนี้ไปหารือกับ มก.ด้วย อย่างไรก็ตามการดำเนินการในเรื่องนี้ อาจต้องใช้บทเรียนในช่วงที่ผ่านมามาดำเนินการด้วย โดยจะให้มีการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังในประเด็นที่ยังเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งต้องพิจารณาให้ครบถ้วน และรอบด้าน ไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลัง โดยจะดำเนินการควบคู่ไปในระหว่างที่เตรียมเสนอโครงการ N2 เข้า ครม.

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า โครงการ N1 และ N2 จะมีความสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อทั้ง 2 ช่วงเชื่อมต่อกัน เพราะการดำเนินโครงการนี้ ต้องการที่จะถ่ายโอนปริมาณการจราจรจากงามวงศ์วานไปยังวงแหวนตะวันออก เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เราต้องมาคุยกันถึงข้อดีข้อเสีย อย่างไรก็ตามสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ ไม่ได้ดึงเรื่องนี้ให้ล่าช้า เพียงแต่ว่าต้องการดูผลตอบแทนการลงทุน และผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ ยืนยันว่า N2 เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ เพราะปัจจุบันประสบปัญหาการจราจรติดขัดมาก เชื่อว่าทุกเรื่องมีทางออกอยู่แล้ว และแต่ละเรื่องก็จะมีปัจจัยที่จะเข้าไปสู่ความสำเร็จแตกต่างกัน

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ กทพ. ได้เสนอโครงการทางด่วน สายกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาทให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว ซึ่งโครงการนี้ทางกระทรวงการคลังต้องเป็นผู้นำเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป เพราะเป็นการดำเนินการในลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่าโครงการนี้ควรต้องดำเนินการ เพราะเป็นโครงการที่เกิดประโยชน์ ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน และลดปัญหาการจราจรติดขัด ซึ่งในเรื่องของพื้นที่ก่อสร้าง กทพ. ได้ขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้เรียบร้อยแล้ว