จากกรณี นายจินทวัส พงศ์บางลี่ หรือ โบ้ท อายุ 33 ปี วิทยากรสร้างการเป็นแม่ค้าออนไลน์และเป็นรองกรรมการผู้จัดการ ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อเครื่องสำอางชื่อดัง ขับรถเบนซ์สีขาว ป้ายแดง หมายเลขทะเบียน ต 5448 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถเก๋งฮอนด้า สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ฆษ 8497 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในช่องทางเลนซ้าย ส่งผลทำให้ผู้อยู่ในรถเก๋งฮอนด้า เสียชีวิต 3 ราย บนทางด่วนศรีรัช ขั้นที่ 2 ทิศทางมุ่งหน้ามอเตอร์เวย์ ช่วงบริเวณข้ามคลองแสนแสบ แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. พ.ต.ท.ประสิทธิ์ วิรัตยาภรณ์ รอง ผกก.สน.ทางด่วน 2 ในฐานะหัวหน้าสถานี กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้้น นายจินทวัส คนขับรถเบนซ์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ไปรับประทานอาหารและดื่มสุราที่ร้านอาหารย่านรามอินทรา ขณะขับรถมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ นายจินทวัสขับอยู่ในเลนปกติไม่เห็นรถคู่กรณี มาเห็นก็ตอนรถคู่กรณีเปลี่ยนเลนกะทันหัน จึงพยายามเบรกแล้วแต่ไม่ทัน ส่วนรถเก๋งฮอนด้าคู่กรณียังไม่ทราบว่าปลายทางจะไปทางไหน แต่มีรายงานว่าจะไปที่ จ.ชลบุรี นอกจากนี้ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบสภาพถนนไม่มีลักษณะอันตราย เป็นถนนทางตรงที่กำลังจะขึ้นเนิน การขับขี่อาจจะต้องมีการเหยียบคันเร่ง

หนุ่มวิทยากรเครื่องสำอางแบรนด์ดัง ขับเบนซ์พุ่งชนท้ายรถเก๋งดับ3ศพ

หนุ่มวิทยากรเครื่องสำอางแบรนด์ดัง ขับเบนซ์พุ่งชนท้ายรถเก๋งดับ3ศพ

พ.ต.ท.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ นายจินทวัส ทันที พบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ถึง 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวนคดี เบื้องต้น นายจินทวัสได้ไปตรวจร่างกายแล้วพบว่าบาดเจ็บบริเวณลำตัวสามารถให้การได้ ตนจึงเรียกตัว นายจินทวัส มาแจ้งข้อกล่าวหา ขับรถขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบปากคำ ส่วนรถทั้ง 2 คัน จะต้องนำไปตรวจพิสูจน์ที่กก.5 บก.จร. เพื่อตรวจสอบลักษณะทิศทางการชนและความเร็วที่ใช้

พ.ต.ท.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า กรณีผู้เสียชีวิต 3 ราย ทาง สน.หัวหมาก ได้ส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ตามขั้นตอน เนื่องจากเป็นการตายผิดธรรมชาติ รวมถึงจะตรวจปริมาณแอลกอฮอล์​ในร่างกายทั้ง 3 ราย ซึ่งต้องใช้เวลา เมื่อได้ผลมาแล้วจะนำข้อมูลมาประกอบกับสำนวนคดีที่นี่ ก่อนสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือไม่ ตนยืนยันว่า ตำรวจทางด่วน 2 ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนทุกข้อกำหนดโดยจะไม่มีการช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ​ในส่วนการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายนั้น ฝ่ายคู่กรณีต้องดำเนินการเจรจากัน ทางตำรวจไม่ได้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว แต่ทราบว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้มีการพูดคุย เพราะยังอยู่ในบรรยากาศของความโศกเศร้า